นายวิลเลี่ยม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค ประธานกรรมการ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ได้ทำจดหมายถึง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติไปพร้อมกับการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยใจความระบุว่า "ก่อนอื่นผมใคร่ขอแสดงความชื่นชมท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง ที่สามารถควบคุมและจัดการการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี และนับเป็นความโชคดีของประเทศที่ระบบสาธารณสุขของเรา (ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล) ได้ยกระดับมาตรฐานการดูแล จนสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่นานาประเทศ ผมจึงอยากใคร่ขอแสดงความสนับสนุนต่อดุลยพินิจของฝ่ายบริหาร ในการใช้นโยบายที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความสมดุลระหว่างการบริหารจัดการทางด้านสาธารณสุขและการประคับประคองเศรษฐกิจไปพร้อมๆ กัน
แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ในขณะนี้เรายังคงต้องเผชิญกับการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) ต่อ และถึงแม้ว่าโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนนี้จะมีอัตราในการแพร่เชื้อที่สูงกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ก่อนหน้า แต่ส่วนใหญ่แล้วสายพันธุ์นี้จะก่อให้เกิดอาการที่รุนแรงน้อยกว่ามาก ซึ่งส่งผลให้อัตราการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและอัตราการเสียชีวิตลดลงตามสัดส่วนไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนที่ได้รับวัคซีนแล้ว นักระบาดวิทยาบางคนเชื่อว่าสายพันธุ์โอมิครอนอาจเป็นตัวช่วยในการเร่งการวิวัฒนาการของไวรัสจากโรคระบาดเป็นโรคประจำถิ่นก็เป็นได้ ซึ่งอัตราการเสียชีวิตจากสายพันธุ์นี้ต่ำกว่าการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์และจากการป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่เสียอีก หรือหากกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ โอมิครอนอาจเป็นวิธีแก้ปัญหามากกว่าที่จะเป็นปัญหาเสียเอง อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นอัตราการติดเชื้อคงจะยังไม่สามารถลดลงได้ เพราะฉะนั้นเราจึงจำเป็นที่จะต้องหาวิธีจัดการกับสถานการณ์ที่แตกต่างไปจากเดิม การพยายามลดอัตราการแพร่ระบาดสามารถทำได้ผ่านการเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม รวมถึงการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้เพิ่มมากขึ้นโดยเร็ว การเว้นระยะห่างทางสังคมและการใส่หน้ากาก ซึ่งจากความเห็นของสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมโรงแรมไทย และองค์การอนามัยโลกต่างเชื่อมั่นว่า ในเวลานี้มาตรการล็อกดาวน์เพิ่มเติมไม่ใช่คำตอบของการควบคุมการระบาด แต่การล็อกดาวน์จะส่งผลเสียต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนและทำให้เกิดการหยุดชะงักของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ผมยังใคร่ขอเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกข้อบังคับเกี่ยวกับการจำกัดชั่วโมงการให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สำหรับร้านอาหารที่ได้รับมาตรฐานรับรองความปลอดภัยด้านสุขอนามัย SHA Plus โดยเราสามารถส่งเสริมให้มีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างมีความรับผิดชอบและอยู่ในกรอบวิธีการปฏิบัติตัวตามมาตรการป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ซึ่งสิ่งนี้จะดึงดูดนักท่องเที่ยว ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศอย่างแน่นอน
อีกทั้งหลักปฏิบัติอันเกี่ยวเนื่องกับการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามายังประเทศไทย ควรได้รับการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยเช่นกัน จากประสบการณ์ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นแล้วว่า การปิดประเทศอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการแพร่เชื้อในประเทศของสายพันธุ์โอมิครอนได้เริ่มขึ้นแล้ว องค์การอนามัยโลกลงความเห็นว่าการปิดพรมแดนถือเป็นการกระทำแบบด่วนตัดสินใจโดยปราศจากเหตุผลและหลักการสนับสนุนอย่างพอเพียง และยังไม่ก่อให้เกิดผลที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย และด้วยเหตุนี้เอง สหราชอาณาจักรจึงได้ประกาศยกเลิกแผนการปิดประเทศอย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่การระบาดของโอมิครอนยังดำเนินต่อไป และอีกหลายประเทศในยุโรป ตะวันออกกลาง รวมถึงสหรัฐอเมริกา ก็ได้ทยอยผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการเดินทางแล้วด้วยเช่นกัน ซึ่งประเทศไทยเองก็ควรจะปรับเปลี่ยนข้อปฏิบัติให้เหมาะสม และกลับเข้าสู่การเปิดประเทศแบบที่เคยเป็นก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19
นอกจากนี้ Thailand Pass ซึ่งเป็นระบบการลงทะเบียนเพื่อขอรับการอนุมัติเข้าประเทศล่วงหน้า รวมถึงข้อกำหนดเกี่ยวกับการทำประกันและการจองที่พักล่วงหน้ายังก่อให้เกิดผลกระทบเชิงลบมากกว่าเชิงบวก เนื่องจากเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ มาตรการเหล่านี้ล้วนไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป ผมแนะนำว่าประเทศไทยควรยึดตามหลักปฏิบัติที่ใช้กันในหลายๆ ประเทศ รวมถึงสายการบินต่างๆ เช่น การขอหลักฐานการฉีดวัคซีน และผลตรวจโควิด-19 เป็นต้น เราควรเร่งกลับมาใช้นโยบาย Test & Go หรือโครงการ Sandbox และหากพบนักท่องเที่ยวที่มีผลตรวจเป็นบวก ก็สามารถอนุญาตให้เขาเหล่านั้นกักตัวเองได้ภายในโรงแรม สำหรับโครงการ Sandbox การเพิ่มจังหวัดกระบี่ พังงา และสุราษฎร์ธานี เข้าไปอยู่ในโครงการ ถือเป็นการดำเนินการในทิศทางที่ดี ผมขอสนับสนุนให้รัฐบาลขยายเครือข่ายของโครงการให้ครอบคลุมจังหวัดและพื้นที่ในแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ เพิ่มเติมต่อไป
พวกเราซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวงการธุรกิจต่างกระตือรือร้นที่จะให้ความร่วมมือกับทางภาครัฐเพื่อฟื้นฟูและสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถก้าวผ่านการระบาดในระลอกใหม่นี้ไปได้ ผมมั่นใจว่าด้วยมาตรการที่เหมาะสมและมีความสมดุล เราจะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจและธุรกิจให้ฟื้นตัวต่อไปได้ ในขณะเดียวกันก็ค่อยๆ ปรับตัวและเรียนรู้ที่จะหาวิธีอยู่กับไวรัสนี้ ผมขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับการพิจารณาของท่านนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้ หากท่านมีคำถามหรือข้อกังวลอื่นใด ผมหวังว่าจะมีโอกาสได้หารือในรายละเอียดกับท่านต่อไป"
ทั้งนี้จดหมายดังกล่าวยังได้ทำสำเนาเพื่อส่งถึง
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ดอน ปรมัตถ์วินัย
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
รัฐมนตรี พิพัฒน์ รัชกิจประการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
พลเอก สุพจน์ มาลานิยม
เลขาธิการความมั่นคงแห่งชาติ
คุณยุทธศักดิ์ สุภสร
ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
คุณกลินท์ สารสิน
ประธานอาวุโส หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
คุณสนั่น อังอุบลกุล
ประธานกรรมการ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
คุณมาริสา สุโกศล หนุนภักดี
นายกสมาคมโรงแรมไทย
คุณภูมิกิตติ์ รักแต่งาม
นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต