รฟท.เปิดเวทีฟังความเห็น ' ปิดหัวลำโพง' 14 ธ.ค.นี้ “ศักดิ์สยาม” พร้อมรับฟังทุกฝ่ายก่อนตัดสินใจ ยันหลักการประชาชนต้องได้ประโยชน์ ทั้งที่ใช้บริการรถไฟและใช้ถนน เผย 23 ธ.ค. 64 ยังคง 22 ขบวนวิ่งเข้าหัวลำโพง แต่ให้ รฟท.ปรับตารางลดการเดินรถช่วงเวลาเร่งด่วน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในวันที่ 14 ธ.ค. 2564 นี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะจัดเวทีสาธารณะเพื่อรับฟังความคิดเห็นในเรื่องสถานีหัวลำโพง ทั้งเรื่องการพัฒนาพื้นที่และการเดินรถไฟเข้าสถานีหัวลำโพง ภายหลังเปิดให้บริการสถานีกลางบางซื่ออย่างเป็นทางการ ซึ่งจะเชิญผู้ที่ได้มีการแสดงความคิดเห็นทางโซเชียล เช่น ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ นางสาวรสนา โตสิตระกูล อดีตส.ว.และเป็นนักรณรงค์ด้านสุขภาพและสิทธิผู้บริโภค และองค์กรเพื่อผู้บริโภค เป็นต้น พร้อมกันนี้ จะมีการรับฟังความเห็นของประชาชนและผู้ที่ต้องการแสดงความเห็นผ่านทางเฟซบุ๊กอีกด้วย
โดยได้มอบหมายให้ นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการ รฟท., นางสาวไตรทิพย์ ศิวะกฤษณ์กุล กรรมการบริษัท และรักษาการกรรมการผู้จัดการบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (SRTA) นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เป็นผู้ให้ข้อมูลแนวคิดของกระทรวงคมนาคม ที่จะดำเนินการโดยยึดหลักประโยชน์ ประชาชนเป็นสำคัญ
นายศักดิ์สยามกล่าวว่า วัตถุประสงค์ของกระทรวงคมนาคมนั้นเห็นว่าสถานีกลางบางซื่อมีการลงทุนกว่า 30,000 ล้านบาท เพื่อต้องการพัฒนาเป็นศูนย์กลางระบบราง ทั้งรถไฟทางไกล รถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง ดังนั้นจะต้องใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่าที่สุด สำหรับขบวนรถไฟปัจจุบันที่วิ่งเข้าหัวลำโพงกว่า 100 ขบวน/วัน ในวันที่ 23 ธ.ค. 2564 ซึ่งจะเป็นวันแรกที่จะเริ่มย้ายขบวนรถไฟทางไกลไปให้บริการที่สถานีกลางบางซื่อนั้น จะยังมีรถไฟส่วนหนึ่งประมาณ 22 ขบวน/วัน ที่วิ่งเข้ามาที่สถานีหัวลำโพง แต่ทั้งนี้จะพิจารณาเรื่องการแก้ปัญหาการจราจรในจุดตัดกับถนนในกรุงเทพฯ ด้วย ซึ่งให้ รฟท.พิจารณาเวลาในการเดินรถเพื่อลดผลกระทบในเวลาเร่งด่วนให้น้อยที่สุด จะบริหารตารางเดินรถอย่างไรในชั่วโมงเร่งด่วน เพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชนที่ใช้บริการรถไฟ และประชาชนที่เดินทางบนถนน
ส่วนสถานีหัวลำโพง ยืนยันไม่มีการทุบ แต่จะพัฒนาปรับปรุงภายในเหมือนต่างประเทศ และในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยายเชื่อมต่อ ซึ่งในการพัฒนาพื้นที่ของสถานีหัวลำโพงนั้น ขณะนี้ บริษัท เอสอาร์ทีแอสเสท จำกัด ได้ให้ที่ปรึกษาพิจารณารายละเอียด ส่วนที่เห็นเป็นข่าวออกไปนั้น เป็นเพียงแนวคิดเท่านั้น ซึ่งได้ให้นโยบายในการพัฒนาที่ดินรถไฟทั่วประเทศแล้วว่าจะต้องมีการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเอสอาร์ทีแอสเสท ดูว่าพื้นที่ตรงไหนมีศักยภาพทำได้ก่อน เพื่อสร้างรายได้ให้รฟท. การพัฒนาจะต้องดูอย่างรอบคอบในการตัดสินใจ และไม่ได้เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้ กว่าจะศึกษาแนวคิดเสร็จก็จะเป็นรัฐบาลหน้าที่จะเข้ามาตัดสินใจ
“รอฟังความเห็นในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ก่อน ว่าแต่ละฝ่ายจะมีเหตุผลเป็นอย่างไร ถ้าประชาชนได้ประโยชน์เราตัดสินใจอย่างนั้น ส่วนเรื่องขบวนรถขนส่งสินค้า หากสามารถทำได้ ต้องการให้ไปอยู่รอบนอก เพราะจะเป็นการระบายรถบรรทุก ลดการเข้าพื้นที่ชั้นใน เช่น สร้างสถานีขนส่งสินค้าที่เชียงรากน้อย แล้วก็ใช้รถหกล้อ กระจายสินค้าอีกทอดหนึ่ง”