xs
xsm
sm
md
lg

เดอะมอลล์ ร่วมทุน บิทคับ ลุยดิจิทัล ดันไทยดิจิทัลฮับเอเชียผ่าน 3 ยุทธศาสตร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - เดอะมอลล์ กรุ๊ป จับมือ บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ผุดบริษัทร่วมทุน ลุยโลกดิจิทัลคริปโตฯ เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจและยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการลงทุนและการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชีย (HUB OF DIGITAL ASSETS INVESTMENT AND TOURISM IN ASIA) ด้วย 3 ยุทธศาสตร์หลัก GLOBALIZATION, DIGITALIZATION และ TOURISM ผนึกความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชน จัดงาน “เดอะพินนาเคิล ออฟ พรอสเพอริตี” (THE PINNACLE OF PROSPERITY) ประกาศความร่วมมือในการรังสรรค์ปรากฏการณ์แห่งเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืน

นางสาวศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ผู้นำและพัฒนาโครงการรีเทลแนวหน้าของประเทศไทยที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เดอะมอลล์ เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ทุกสาขา สยามพารากอน ดิเอ็มดิสทริค อันประกอบด้วย ดิเอ็มโพเรียม ดิเอ็มควอเทียร์ และดิ เอ็มสเฟียร์ เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์สำคัญยิ่งในการเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ หลังเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และการถดถอยทางเศรษฐกิจทั่วโลก คือการผนึกความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อสร้างความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างยั่งยืน โดยมียุทธศาสตร์ที่สำคัญ คือการมุ่งเน้นไปที่เศรษฐกิจยุค 5.0 และเศรษฐกิจดิจิทัล (DIGITAL ECONOMY) เป็นวาระเร่งด่วน ภายใต้ 3 ยุทธศาสตร์หลัก คือ โลกยุคใหม่ไร้พรมแดน (GLOBALIZATION) การปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล (DIGITALIZATION) และการท่องเที่ยวและการบริการ (TOURISM)

GLOBALIZATION ให้ความสำคัญในการมีพันธมิตรธุรกิจระดับประเทศและระดับโลก ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระดับประเทศ เพื่อเสริมสร้างรากฐานและเพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่งในการเติบโตของประเทศ ยุทธศาสตร์ที่สำคัญของประเทศไทย คือการยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจ การเงิน การเดินทางและท่องเที่ยว การบินและโลจิสติกส์ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือทั้งจากภาครัฐและเอกชนในหลายโครงการ เช่น โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC), โครงการเส้นทางสายไหม One Belt One Road (OBOR) และโครงการรถไฟความเร็วสูง (HIGH-SPEED TRAIN & AIRPORT LINK) ที่เชื่อมต่อ 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา เข้าไว้ด้วยกัน
DIGITALIZATION องค์กรภาคธุรกิจหลักทุกภาคส่วนต้องมีนวัตกรรมแห่งการเปลี่ยนแปลงให้เป็นโลกแห่งดิจิทัล (DIGITAL TRANSFORMATION) สู่เศรษฐกิจยุค 5.0 อย่างสมบูรณ์แบบ เข้าสู่โลกดิจิทัลแบบไร้ขีดจำกัด และมีระบบนิเวศทางดิจิทัลที่ครบวงจร (DIGITAL ECOSYSTEM) และต้องอาศัยการมีสมาร์ท ดิจิทัล แพลตฟอร์ม (SMART DIGITAL PLATFORM) หรือโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะที่อาศัยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทั้งยังต้องได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนของทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งในระดับภูมิภาค และระดับโลก

TOURISM ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ กลยุทธ์ที่สำคัญคือจะต้องรีโพสิชันนิ่ง (REPOSITIONING) วางเป้าหมายทางการท่องเที่ยวใหม่ มุ่งเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพเป็นหลัก เช่น กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง กลุ่มนักธุรกิจ นักลงทุนรุ่นใหม่ กลุ่มเศรษฐีใหม่ (NEW WEALTH) จากการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นภาครัฐต้องผลักดันการฟื้นฟูภาคธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ ตลอดจนผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยว เพื่อส่งผลดีต่อบ่วงโซ่ธุรกิจ คือ ธุรกิจ ค้าปลีก เอนเตอร์เทนเมนต์ โรงแรม สายการบิน เรือท่องเที่ยวและเรือสำราญ โรงพยาบาล สุขภาพและความงาม ตลอดจนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นสวรรค์ของการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล และการท่องเที่ยว (HEAVEN FOR DIGITAL ASSET INVESTOR & TOURISM)


บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ผู้นำธุรกิจรีเทลระดับโลกที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก จึงได้จับมือกับ บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด ผู้นำธุรกิจด้านสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets) และเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain Technology) รวมถึงเป็นผู้ให้บริการศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือตลาดซื้อ-ขายคริปโตเคอร์เรนซี ผ่านบริษัทในเครือ คือ บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ซึ่งครองส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดในประเทศไทย ได้ร่วมกันวางกลยุทธ์การขับเคลื่อนการสร้างระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Ecosystem) เพื่อยังผลให้เศรษฐกิจดิจิทัลเติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainable Digital Economy) ด้วยการผนึกความร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชน ในภาคอุตสาหกรรมธุรกิจหลักเพื่อให้ประเทศไทยเป็นสวรรค์ของการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล และการท่องเที่ยว (HEAVEN FOR DIGITAL ASSET INVESTMENT & TOURISM)

บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮดดิ้งฯ และบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ปฯ ได้ร่วมทุนจัดตั้ง “บริษัท บิทคับ เอ็ม จำกัด” (Bitkub M Company Limited) ด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท ในสัดส่วน 50:50 เพื่อร่วมลงทุนและบริหารบิทคับ เอ็ม โซเชียล (BITKUB M SOCIAL) ให้เป็นดิจิทัลคอมมูนิตี (Digital Community) แห่งแรกของเมืองไทยที่จะเป็นศูนย์กลางของการแลกเปลี่ยนความรู้ การจัดสัมมนาและการประชุมทางด้านเศรษฐกิจดิจิทัล การปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล สนับสนุนในการสร้างองค์ความรู้สำหรับสตาร์ทอัพ (Startup) และผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (Entrepreneur Economy) และเป็นแหล่งพบปะของนักลงทุนที่สนใจในการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ เป็นศูนย์การเทรดและการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Trading & Exchange) รวมทั้งมี NFT Gallery & Gaming และนำเข้าสู่โลกของ METAVERSE ในอนาคต

BITKUB M SOCIAL แห่งนี้จะเป็นโมเดลสำคัญซึ่งจะมีส่วนช่วยในการส่งเสริมภาคธุรกิจ การลงทุน พัฒนาบุคลากรทางด้านดิจิทัล สร้างงานสร้างอาชีพ เป็นการกระจายรายได้ และลดช่องว่างทางสังคม อันจะเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของชาติ ยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางของสินทรัพย์ดิจิทัลระดับภูมิภาคเอเชีย (HUB OF DIGITAL ASSET IN ASIA)


ทั้งนี้ เพื่อเป็นการร่วมฉลองเทศกาลแห่งความสุขและปีใหม่ที่กำลังมาถึงนี้ และสร้างบรรยากาศในการจับจ่าย เดอะมอลล์ กรุ๊ป และบิทคับ ยังได้เปิดมิติใหม่แห่งการชอปปิ้ง ด้วยการมอบสิทธิพิเศษให้แก่ลูกค้าและนักท่องเที่ยว ครั้งแรกกับการนำสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Currency) มาแลกสินค้าและบริการที่ห้างสรรพสินค้า และศูนย์การค้าในเครือเดอะมอลล์ กรุ๊ปฯ โดยไม่มีค่าธรรมเนียม และยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ร้านค้า และคู่ค้า จัดกิจกรรม Happy Treasure Hunt Game ครั้งแรกของโลกกับ NFT (Non Fungible Token) พร้อมรางวัลมากมาย ต้อนรับปี 2022 เพื่อสร้างสีสันและดึงดูดลูกค้าให้ได้เข้ามาใช้บริการในช่วงเทศกาลแห่งความสุขนี้

พร้อมกันนี้ได้เปิดตัวเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจชั้นนำของประเทศ ทั้งทางด้านธุรกิจค้าปลีก เอนเตอร์เทนเมนต์ ธุรกิจทางด้านการท่องเที่ยวและบริการ ธุรกิจสายการบิน และเรือสำราญ ธุรกิจโรงแรม อาหารและบริการ (Hospitality) ธุรกิจทางด้านศูนย์สุขภาพและความงามรวมถึงโรงพยาบาล ธุรกิจทางด้านอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจยานยนต์ ซูเปอร์คาร์ และเรือยอชต์เพื่อการท่องเที่ยว และอื่นๆ โดยได้ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สายการบินแอร์เอเซีย, สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส, โรงแรมในเครือดุสิต, โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ (BCH), อนันดา พร็อพเพอร์ตี้ และบริษัทในเครือ, และมิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป (MGC-Asia) เป็นต้น จัดแคมเปญพิเศษเพื่อต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขในช่วงปีใหม่ ทั้งยังเป็นการสร้างประสบการณ์การใช้สินทรัพย์ดิจิทัล


นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา นักธุรกิจ ผู้ก่อตั้ง บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กลุ่มธุรกิจ ผู้นำด้านสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชน และดำเนินการตลาดซื้อขายคริปโตฯ ผ่าน บิทคับ ออนไลน์ ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดในไทย กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “การเกิดขึ้นของบล็อกเชนที่เป็นเทคโนโลยีเบื้องหลังของคริปโตเคอร์เรนซีและสินทรัพย์ดิจิทัล เปรียบเสมือนการเกิดขึ้นของอินเทอร์เน็ตเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ที่ทำให้เกิดธุรกิจรูปแบบใหม่ขึ้นรวมถึงสร้างภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจใหม่ในยุคที่ผ่านมา ในยุคนี้นอกจากบล็อกเชนจะมาเปลี่ยนแปลงวงการการเงินแล้ว ยังสามารถช่วยแปลง ยกระดับ และเพิ่มมูลค่าให้แก่วงการอื่นๆ ได้ เช่น ในวงการศิลปะและเอนเตอร์เทนเมนทต์ได้มีการทำ NFT (Non-Fungible Token) เพื่อขาย ประมูลงานศิลปะและงานออกแบบ ทำให้เป็นช่องทางใหม่ในการสร้างรายได้ของเหล่าศิลปินและนักออกแบบจากความคิดสร้างสรรค์ นอกจากนั้นแล้ว NFT ยังเข้ามาเปลี่ยนวงการเอนเตอร์เทนเมนต์ อย่างที่ทางกลุ่มบิทคับได้ร่วมพัฒนา Fans Token ร่วมกับเหล่ายูทูบเบอร์ชั้นนำที่มีผู้ติดตามรวมกว่า 50 ล้านบัญชี อย่าง บี้ เดอะสกา (BIE The SKA) ปลื้ม วีอาร์โซ (Pleum VRZO) เก๋ไก๋ สไลเดอร์ (Kaykai Salaider) คิวเท อ๊ปป้า (Kyute Oppa) และสไปรท์เดอร์ (SpriteDer SPD) รวมถึงการสร้างปรากฏการณ์ Miss Universe Thailand NFT ร่วมกับทาง TPN GLOBAL ซึ่งถือได้ว่าเป็น Beauty Pageant NFT Collection ครั้งแรกของโลกที่ได้รับการตอบรับเกินความคาดหมาย เนื่องจากเป็นการสร้างเอนเกจเมนต์ระหว่างแฟนคลับและตัวศิลปินได้เป็นอย่างดี

และล่าสุด การนำประโยชน์ของเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ร่วมกับวงการค้าปลีกและไลฟ์สไตล์ โดยการร่วมมือกับทางเดอะ มอลล์ กรุ๊ปในครั้งนี้จะเป็นอีกการพลิกโฉมครั้งสำคัญในการสร้างประสบการณ์การชอปปิ้งไลฟ์สไตล์เป็นแห่งแรกๆ ของโลก เนื่องจากจะมีการผสานทั้งการใช้กระเป๋าคริปโตเคอร์เรนซีในการแลกเปลี่ยนสินค้าได้สะดวกสบายมากขึ้น และการให้โปรโมชัน สิทธิพิเศษผ่านกลไกของ NFT (Non-Fungible Token) รวมถึงการนำ Gamification มาเพิ่ม Foot traffic ให้กับศูนย์การค้า เช่นการแจก NFT Card ที่มีรางวัลพิเศษเฉพาะ ผู้ที่เข้ามาจับจ่ายใช้สอยที่ศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้าเท่านั้นจึงจะได้รางวัลพิเศษนั้นไป ซึ่งของรางวัลบางอย่างอาจถือเป็นประสบการณ์ที่ถึงแม้มีเงินก็ซื้อไม่ได้ เป็นการเชื่อมประสบการณ์ที่ดีระหว่างแบรนด์กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ช่วยเพิ่มยอดขายหน้าร้านและยังสามารถผสานสิทธิประโยชน์ระหว่างออนไลน์กับออฟไลน์ได้อีกด้วย นอกจากนี้ กระแสของโลกที่มีกลุ่มผู้มั่งคั่งและมีกำลังจับจ่ายใช้สอยกลุ่มใหม่ (New Wealth) ที่มีรายได้จากแวดวงเทคโนโลยีกลุ่มใหม่ๆ เช่นบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล หรือผู้ที่สามารถทำงานให้บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ ได้จากทั่วทุกมุมโลก คนเหล่านี้สามารถทำงานที่ไหนก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องเข้าสำนักงาน (Digital Nomad) หรือกลุ่มที่เป็นคนคนเดียวแต่มีหลายทักษะและสามารถทำงานให้หลากหลายบริษัทในขณะเดียวกัน (Nano Entrepreneur) คนกลุ่มนี้มีกำลังซื้อมากและนิยมการพักผ่อนในต่างประเทศแบบท่องเที่ยวพักผ่อนไปด้วยทำงานไปด้วย (Workation) และมีการอาศัยในประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นระยะเวลายาวนานกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป (Longer Term Stay) หากประเทศของเรามีโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี (Technology Infrastructure) ร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ที่สามารถรองรับความต้องการและสร้างความสะดวกแก่กลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ได้ น่าจะช่วยฟื้นฟูและเพิ่มมูลค่าการท่องเที่ยวของประเทศไทยหลังโควิดได้อีกทางหนึ่ง


แอปพลิเคชันต่างๆ ที่สร้างขึ้นบนบล็อกเชนสามารถนำมูลค่าที่ซ่อนอยู่ในแต่ละเลเยอร์ของธุรกิจให้มีมูลค่าขึ้นมาได้ รวมถึงเป็นการเชื่อมโยงสิทธิประโยชน์ต่างๆได้อย่างไร้รอยต่อ เช่น การแชร์คะแนนสะสมของแบรนด์ หรือผู้ให้บริการ หากนำคะแนนสะสมเหล่านั้นขึ้นมาอยู่บนบล็อกเชนจะสามารถแลกเปลี่ยนระหว่างกันได้โดยง่าย ทำให้แบรนด์ต่างๆ สามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีสำหรับลูกค้าหรือผู้ใช้บริการร่วมกับคู่ค้าทางธุรกิจ ซึ่งจากคุณประโยชน์ที่กล่าวมานั้นหากเรามีการเปิดให้ความรู้แก่ภาคธุรกิจ ภาคเอกชน หรือผู้ที่สนใจทั่วไปในวงกว้าง ก็จะได้ผู้มีความรู้ ความสามารถเข้าเป็นแรงงานหรือผู้ประกอบการสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ เป็นทุนทางทรัพยากรมนุษย์ (Human Capital) ที่มีทักษะและองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่จะเพิ่มรายได้และขีดความสามารถที่ทำให้ประเทศสามารถหลุดจากกับดักรายได้ปานกลางในที่สุด ดังนั้น ทางบิทคับและเดอะมอลล์กรุ๊ปจึงมุ่งมั่นตั้งใจสร้างคอมมูนิตีแห่งการเรียนรู้และแบ่งปัน ซึ่ง “บิทคับ เอ็ม โซเชียล” (Bitkub M Social) นอกจากจะเป็นที่พบปะของบรรดานักลงทุนและคนรักในสินทรัพย์ดิจิทัลแล้ว ยังเป็นแหล่งอบรม ให้ความรู้ สามารถจัดสัมมนากลุ่มขนาดเล็กได้ รวมถึงยังเป็นแหล่งบ่มเพาะสตาร์ทอัพด้วยการจัดโปรแกรมแอ็กเซเลอเรเตอร์ (Accelerator) อินคิวเบเตอร์ (Incubator) จากทางบิทคับ อะคาเดมี (Bitkub Academy) และบิทคับ เวนเจอร์ส (Bitkub Ventures) อีกด้วย ทั้งหมดนี้จะเป็นการสร้างอีโคซิสเต็มทางเศรษฐกิจที่แข็งแรงและยั่งยืน”

นางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เสริมว่า BITKUB M SOCIAL จะเป็นดิจิทัลคอมมูนิตีของผู้ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Community) แห่งแรกของประเทศไทย บนพื้นที่กว่า 2,000 ตารางเมตร ณ บริเวณชั้น 8-9 โซนฮีลิกซ์ ควอเทียร์ อาคาร A ดิ เอ็มควอเทียร์ โดย BITKUB M SOCIAL ประกอบไปด้วยศูนย์การเรียนรู้ อบรม สัมมนา ห้องประชุม เอ็นเอฟทีแกลเลอรี (NFT Gallery) ร้านค้า คาเฟ่ และบาร์ พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยตอบโจทย์นักลงทุนและผู้ที่สนใจในสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ พบปะ แลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้สำหรับคนรุ่นใหม่ ทั้งในเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัล, เศรษฐกิจ และไลฟ์สไตล์ เป็นต้น

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสมัครสมาชิก BITKUB M SOCIAL MEMBERSHIP โดยสมาชิกแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่

• BITKUB M SOCIAL LUNAR ค่าสมาชิก 12,000 บาท ต่อปี
• BITKUB M SOCIAL ZIRCON ค่าสมาชิก 20,000 บาท ต่อปี
• BITKUB M SOCIAL EMERALD ค่าสมาชิก 50,000 บาท ต่อปี (เฉพาะการเรียนเชิญเท่านั้น)


โดยสมาชิกคนสำคัญจะได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ มากมายก่อนใคร เช่น รับเทรดดิ้งเครดิตสูงสุด 20,000 บาท, เข้าร่วมคอร์สสัมมนาการลงทุน พิเศษเฉพาะสมาชิกบัตรเท่านั้น, สิทธิ์รับรางวัลพิเศษ เช่น Token หรือ NFT Airdrop เมื่อเข้าเงื่อนไขของร้านค้า, รับสิทธิ์การเข้าใช้ Bitkub M Social Lounge, รับส่วนลดพิเศษมากมายที่ Blockchain Store และสิทธิประโยชน์อื่นๆ รับส่วนลดสูงสุด 10% สำหรับการซื้อสินค้าราคาปกติในห้างฯ เครือเดอะมอลล์ กรุ๊ป และส่วนลด 5% ในกูร์เมต์ มาร์เก็ต พร้อมทั้งคูปองส่วนลด บริการพิเศษมากมาย รวมมูลค่ากว่า 30,000 บาท/ท่าน จากห้างฯ และศูนย์การค้าในเครือเดอะมอลล์ กรุ๊ป ดิ เอ็มโพเรียม และดิ เอ็มควอเทียร์ (ยกเว้น เดอะมอลล์ รามคำแหง และเดอะมอลล์ โคราช)

ครั้งแรก ฉลองเทศกาลแห่งความสุข เปิดมิติใหม่แห่งการชอปปิ้ง สามารถนำสินทรัพย์ดิจิทัล คริปโตฯ 7 เหรียญ ได้แก่ BITCOIN, TETHER, ETHEREUM, STELLAR, XRP, BITKUB COIN และ JFIN COIN แลกเป็นสินค้า หรือบัตรกำนัล ทั้งห้างและศูนย์ฯ โดยไม่มีค่าธรรมเนียม ระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2564-28 กุมภาพันธ์ 2565 นี้ พิเศษ สมาชิก M CARD ใช้สินทรัพย์ดิจิทัล มูลค่า 100 บาท แลกรับ 800 M POINT

พิเศษ ในช่วงเทศกาลแห่งความสุขรับปีใหม่นี้ เดอะมอลล์ กรุ๊ปยังได้ร่วมมือกับบิทคับ และพันธมิตรทางธุรกิจ ร้านค้า และคู่ค้ากว่า 1,000 ราย ส่งมอบความสุขให้แก่นักท่องเที่ยวและลูกค้าชาวไทย
ด้วยกิจกรรม Happy Treasure Hunt Game ครั้งแรกของโลกกับ NFT : GIFT OF THE FUTURE
แจก 222,222 รางวัล จาก 663 รอบการเล่น มูลค่ารวมกว่า 120 ล้านบาท กิจกรรมพิเศษที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าและผู้ที่สนใจได้พบกับ Digital Game AR/QR และ Crypto Characters สุดน่ารัก ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 จนถึง 3 มกราคม 2565 ที่ เดอะมอลล์ บางกะปิ, บางแค, เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ท่าพระ, งามวงศ์วาน, เอ็มโพเรียม, เอ็มควอเทียร์ และพารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์




กำลังโหลดความคิดเห็น