xs
xsm
sm
md
lg

“วัตสัน” เปิด 50 สาขาฝ่าโควิด มุ่ง O+O ดันออนไลน์ 20% ใน2ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน360- โควิดเปลี่ยนพฤติกรรมนักช้อป สะเทือนตลาดสุขภาพและความงาม “วัตสัน”เปลี่ยนเกมส์มุ่งช่องทางขายใหม่ในรูปแบบ O+O พบการตอบรับที่ดีมียอดขายต่อบิลสูงกว่าหน้าร้าน 2.5 เท่า มั่นใจอีก 2 ปี ทำรายได้เป็น 20% ของรายได้รวม ส่วนแผนขยายสาขายังพร้อมเดินหน้าต่อเนื่อง ปีหน้าผุดอีกอย่างน้อย 50 สาขา พร้อมโมเดลใหม่ล่าสุดที่ เซ็นทรัล อยุธยา จบปีนี้คาดมี 640 สาขาทั่วไทย


นายพสิษฐ์ มั่นคงขันติวงศ์ กรรมการผู้จัดการ วัตสัน ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วง 1-2ปีที่ผ่านมา พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป ส่วนสำคัญมาจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้กลุ่มศูนย์การค้าชะลอตัวในการเปิดใหม่ เพราะที่ผ่านมามีการปิดให้บริการไปกว่า 6 สัปดาห์ วัตสันเองกระทบสาขาที่เจาะกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติ จึงต้องปรับตัวใหม่หันมาให้ความสำคัญกับ ลูกค้าคนไทยท้องถิ่นมากขึ้น อย่าง ชานเมืองกรุงเทพฯ โดยยังคงเดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่อง แต่เน้นเลือกทำเลที่เหมาะสมจริง

ปัจจุบัน วัตสันเปิดให้บริการอยู่ 619 สาขา ซึ่งในปี2564นี้ตามแผนจะเปิดใหม่ 50 สาขา หรือสิ้นสุดปี64 นี้ คาดว่าจะเพิ่มเป็น 640 สาขาได้ โดยสาขาล่าสุดที่จะเปิดในช่วงนี้คือ เซ็นทรัล อยุธยา ถือเป็นโมเดลใหม่ นับเป็นโมเดล เจนเนอเรชั่นที่9 ของวัตสัน ส่วนแผนขยายสาขาในปี65 นั้น ตั้งเป้าขยายสาขาต่อเนื่องอีกไม่ต่ำกว่า 50 สาขาเท่ากับปีนี้ ขณะเดียวกันในแต่ละปียังมีการปรับปรุงสาขาเดิมให้ทันสมัย น่าสนใจอีกราวปีละ 100 สาขาด้วย


นางสาวนวลพรรณ ชัยนาม ผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้า วัตสัน ประเทศไทย กล่าวว่า วัตสันยังคงเดินหน้าธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ และเป้าหมายทางสังคมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายในปีพ.ศ. 2573 ตามบริษัทแม่ เอ.เอส.อัตสัน กรุ๊ป (A.S. Watson Group) ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของ ชุมชนแห่งรอยยิ้ม พลังงานสีเขียว สภาพอากาศที่สดใส โอกาสและการขยายสาขา

นอกจากนี้ทางวัตสันยังให้ความสำคัญกับการมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบไร้รอยต่อที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า ผ่านกลยุทธ์แบบ O+O (Offline + Online) ที่เป็นการผสมผสานประสบการณ์การชอปปิ้งทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งพบว่าในสถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้น ยอดขายจากช่องทางนี้ มียอดใช้จ่ายต่อบิลสูงกว่าการซื้อจากหน้าร้านถึง 2.5 เท่า เนื่องจาก ตอบโจทย์ความสะดวกสบาย เหมาะสมกับสถานการณ์ และลูกค้าจะซื้อครั้งละมากๆ


โดยทางวัตสันจะให้ความสำคัญกับช่องทาง O+O และออนไลน์อย่างต่อเนื่อง มั่นใจว่าในอีก2ปี รายได้จากออนไลน์ทั้งหมด จะมีสัดส่วน 20% ขณะที่ออฟไลน์อยู่ที่ 80% และยังคงเติบโตต่อเนื่องเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้น พบว่า ในกลุ่มตลาดสุขภาพความงามกลับมีอัตราการเติบโตขึ้นอีก 1.5 เท่า เนื่องจากผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องของสุขภาพมากขึ้น สินค้าที่เกี่ยวข้องกลุ่มนี้เติบโตอย่างมาก เช่น เจลแอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัย รวมถึงกลุ่มอื่นๆ อย่าง ผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม เพราะลูกค้าหันมาทำเองที่บ้าน เพราะไปทำที่ร้านไม่ได้ เป็นต้น

ในส่วนของวัตสันเองพบว่า 5 หมวดสินค้าที่ขายดีทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ยังคงเป็น 1.สกินแคร์ 2.เดอม่าสกินแคร์ 3.เฮลธ์ แอนด์ ฟิตเนส 4.เพอซัลนอลแคร์ และ5.คอสเมติก พร้อมมีฐานสมาชิกกว่า 6 ล้านราย






กำลังโหลดความคิดเห็น