xs
xsm
sm
md
lg

EGCO ลั่นปี 65 เพิ่มผลิตไฟฟ้ากว่า 1 พัน MW เล็ง M&A พลังงานหมุนเวียนใน ตปท.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผลิตไฟฟ้าปรับเป้าตั้งเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่กว่า 1,000 เมกะวัตต์ในปี 65 เน้นลงทุนพลังงานหมุนเวียน เล็งเจาะตลาดไฟฟ้าที่สหรัฐฯ เพิ่มเติม หลังถือหุ้นใน “เอเพ็กซ์” มั่นใจปี 65 โกยกำไรโตในอัตราใกล้เคียงปีนี้ มาจากธุรกิจไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นและการปรับขึ้นค่า Ft

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (EGCO) หรือเอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า ในปี 2565 บริษัทยังโฟกัสการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าโดยเฉพาะพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทตั้งเป้าท้าทายจะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่กว่า 1,000 เมกะวัตต์ (MW) เนื่องจากปัจจุบันยังมีการเจรจาควบรวมหรือเข้าซื้อกิจการ (M&A) โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในหลายโครงการ ในขณะเดียวกัน มองโอกาสจะขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องหรือธุรกิจใหม่

ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งงบลงทุนในปี 2565 อยู่ที่ 30,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในกรอบงบลงทุน 5 ปี (2564-2568) ที่บริษัทตั้งไว้อยู่ที่ระดับ 1.5 แสนล้านบาท 
 
“ยอมรับโอกาสการลงทุนพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าในไทยมีค่อนข้างน้อย เนื่องจากกำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองสูงมาก ดังนั้นบริษัทจึงมองโอกาสการลงทุนในต่างประเทศเน้นเฉพาะประเทศที่บริษัทมีฐานการผลิตเดิมอยู่แล้ว 8 ประเทศ ซึ่งสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการลงทุนโครงการพลังงานหมุนเวียนสูงมากเติบโตแบบก้าวกระโดด ขณะที่ประเทศอื่นๆ พบว่าสัดส่วนการลงทุนพลังงานหมุนเวียนมีไม่มากด้วยข้อจำกัดด้านความมั่นคงของไฟฟ้า ทำให้ยังต้องมีการลงทุนโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลอยู่ โดยบริษัทจะโฟกัสการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซฯ และพลังงานหมุนเวียนเพื่อสอดรับกับเป้าหมายบริษัทจะเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2593 และเป้าหมายลดการปล่อยปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วยไฟฟ้าที่ผลิตได้ 10% ภายในปี 2573”


การที่เอ็กโก กรุ๊ปได้เข้าไปถือหุ้น 17.46% ในบริษัท เอเพ็กซ์ เป็นบริษัทพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและก่อสร้างในมือมากกว่า 30,000 เมกะวัตต์ เมื่อเอเพ็กซ์จะมีการขายโครงการโรงไฟฟ้าที่พร้อมเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ออกมา จึงเป็นโอกาสดีที่เอ็กโก กรุ๊ปจะพิจารณาเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าดังกล่าวถ้าหากเป็นโครงการที่ดี หรือเข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่อีกหลายโครงการในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ในปี 2564 เอ็กโก กรุ๊ปประสบความสำเร็จในการเปิดพื้นที่การลงทุนใหม่ในสหรัฐอเมริกา โดยเข้าไปลงทุนในโรงไฟฟ้า “ลินเดน โคเจน” ซึ่งใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง เป็นโครงการแรก ตามมาด้วยการเข้าไปลงทุนใน “เอเพ็กซ์” ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ทำให้เอ็กโก กรุ๊ปบรรลุเป้าหมายการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าในปี 2564 จำนวน 1,000 เมกะวัตต์ โดยทำได้เกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้

สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าหมายจะมีกำไรเติบโตใกล้เคียงกับปี 2564 ที่คาดว่าจะมีกำไร ให้ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นระดับ 9% มาจากธุรกิจไฟฟ้าที่เติบโตขึ้น และอาจมีกำไรเติบโตก้าวกระโดดได้หากบริษัทมีโอกาสในการเข้าลงทุนธุรกิจใหม่เพิ่มเติม รวมทั้งมีรายได้จากการขายไฟเพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าอัตโนมัติผันแปร (Ft) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือนมกราคม-เมษายน 2565 จะสะท้อนไปยังกำไรของบริษัทในปีหน้า


สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 4/2564 บริษัทคาดว่าจะดีกว่าแผนที่ตั้งเอาไว้ แม้ว่าจะมีการบันทึกด้อยค่าในส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมบางโครงการในไตรมาสนี้ ทำให้ผลการดำเนินงานทั้งปี 2564 คาดว่าจะมีกำไรเติบโตในระดับ 9% นั้นมาจากปัจจัยสนับสนุน เช่น การเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าพลังน้ำที่เติบโตตามปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้น การรับรู้ผลการดำเนินงานจากเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้า โรงไฟฟ้า “ลินเดน โคเจน” ซึ่งใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในสหรัฐฯ และโรงไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง “กังดง” ในเกาหลีใต้ เป็นต้น รวมทั้งรับรู้กำไรจากการดำเนินงานของเหมืองถ่านหินเอ็มเอ็มอีเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาถ่านหินปรับสูงขึ้นมากทำให้ปีนี้บริษัทมีการขายถ่านหินสูงสุดอยู่ที่ 1.5 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนที่จะขายธุรกิจเหมืองถ่านหินดังกล่าวที่บริษัทถือหุ้น 40% โดยประเมินว่าราคาถ่านหินสูงเป็นช่วงจังหวะที่เหมาะสม

ส่วนแผนการจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ซึ่งบริษัทได้รับใบอนุญาตในการเป็นผู้ประกอบการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (Shipper) จากทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จำนวน 2 แสนตันต่อปี แต่จะนำเข้าในปีหน้าหรือไม่นั้นยังต้องรอประเมินความเหมาะสมด้านราคาก๊าซฯ และช่วงจังหวะเวลาที่เหมาะสมอีกครั้ง

สำหรับโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 3 โครงการ ประกอบด้วยโครงการโรงไฟฟ้า 2 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งทะเล “หยุนหลิน” ในไต้หวัน ก่อสร้างแล้วเสร็จ 71% ล่าช้ากว่าแผนจากผลกระทบโควิด-19 โดยปัจจุบันกังหันลม 2 ต้น จำนวน 16 เมกะวัตต์ ได้เริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน และ 11 พฤศจิกายน 2564 ตามลำดับ ซึ่งคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ภายในปี 2564

โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ “น้ำเทิน 1” ใน สปป.ลาว ก่อสร้างแล้วเสร็จ 94% นอกจากนี้ ยังมีโครงการธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ โครงการ “ขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” ก่อสร้างแล้วเสร็จ 89% ล่าช้ากว่าแผนจากผลกระทบน้ำท่วม ในขณะที่โครงการ “นิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง” อยู่ระหว่างการออกแบบโครงการ


กำลังโหลดความคิดเห็น