กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศหารือเอกอัครราชทูตภูฏาน เห็นพ้องจัดประชุม JTC ครั้งที่ 4 ไตรมาสแรกปี 65 ติดตามความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวางแผนเพิ่มความร่วมมือใหม่ เผยภูฏานต้องการนำเข้าสินค้าอุปโภค บริโภค และเฟอร์นิเจอร์ ส่งออกเกษตรพรีเมียม ร่วมมือวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม และสนใจทำความตกลงการค้าอำนวยความสะดวกส่งออก-นำเข้า
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงผลการหารือกับนายคินซัง ดอร์จิ เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรภูฏานประจำประเทศไทย ที่ได้เดินทางเข้าพบเมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2564 ที่ผ่านมา ว่า การหารือครั้งนี้เป็นการพบกันครั้งแรก หลังจากเอกอัครราชทูตเข้ารับตำแหน่งในไทยเมื่อเดือน ก.ย. 2564 โดยได้หารือถึงแนวทางขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนระหว่างไทยกับภูฏาน และเห็นพ้องให้ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ครั้งที่ 4 ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 หลังจากที่ภูฏานเป็นเจ้าภาพการประชุม JTC ครั้งที่ 3 ไปเมื่อปี 2562 เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินความร่วมมือต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา เช่น ท่องเที่ยว เกษตร สิ่งทอ และหัตถกรรม เป็นต้น และวางแผนความร่วมมือใหม่ๆ ในอนาคต
ทั้งนี้ ภูฏานเป็นประเทศที่พึ่งพาการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเป็นหลัก มีความต้องการนำเข้าสินค้าจากไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค และเฟอร์นิเจอร์ รวมทั้งสนใจที่จะขยายการส่งออกสินค้าเกษตรพรีเมียมมาไทย เช่น เกษตรออร์แกนิก แอปเปิล ส้ม เห็ด และหน่อไม้ฝรั่ง และสนใจจะพัฒนาความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม รวมทั้งจัดทำความตกลงทางการค้ากับไทย เพื่ออำนวยความสะดวกการนำเข้า-ส่งออก ซึ่งเตรียมจะหารือรายละเอียดกับไทยในเวทีการประชุม JTC ต่อไป
ในปี 2563 ภูฏานเป็นคู่ค้าอันดับที่ 6 ของไทยในตลาดเอเชียใต้ รองจากอินเดีย ปากีสถาน บังกลาเทศ ศรีลังกา และมัลดีฟส์ โดยในช่วง 9 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-ก.ย.) การค้าสองฝ่ายมีมูลค่า 48.54 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไปภูฏานมูลค่า 48.50 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น ผ้าผืน เครื่องนุ่งห่ม สิ่งทออื่นๆ ผลไม้สด แช่เย็น และแช่แข็งและแห้ง เป็นต้น และไทยนำเข้าจากภูฏานมูลค่า 0.04 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้านำเข้าสำคัญ เช่น ผลิตภัณฑ์อาหาร กาแฟ ชา เครื่องเทศ ผัก ผลไม้ และของปรุงแต่งที่ทำจากผัก ผลไม้ และผลิตภัณฑ์สิ่งทออื่นๆ เป็นต้น