เกษตรทันสมัยสู่ฟาร์มอัจฉริยะ หรือสมาร์ทฟาร์ม การนำนวัตกรรม เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์มาใช้เป็นแนวทางใหม่ที่เกษตรกรให้ความสำคัญ เพื่อนำไปสู่การเพิ่มผลผลิต เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต และพัฒนาภาคการเกษตรอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในกระบวนการเลี้ยงสัตว์ “สมาร์ทฟาร์ม” นอกจากเป็นการทำการเกษตรที่ทันสมัย สามารถวางแผนการทำงานได้อย่างแม่นยำแล้ว ยังตอบโจทย์การผลิตอาหารปลอดภัยเพื่อส่งมอบแก่ผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
ฟาร์มสุขสำราญ อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี ฟาร์มเลี้ยงสุกรในรูปแบบสมาร์ทฟาร์มเต็มรูปแบบ ซึ่งเจ้าของฟาร์มในวัย 46 ปี “วุฒาฤทธิ์ สันติวิชัยกุล” หรือ วุฒ เจ้าของกิจการโรงสีข้าวและโรงงานไม้สัก ที่ตัดสินใจผันตัวเองมาเป็นเกษตรกรเลี้ยงหมู เริ่มต้นจากความสนใจทำฟาร์มเลี้ยงหมูเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ประกอบกับได้รับการชักชวนและคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เข้ามาชักชวนว่ากำลังขยายโครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงสุกร (ฝากเลี้ยง) หรือคอนแทรกต์ฟาร์ม ในพื้นที่ อ.สิรินธร จึงศึกษาระบบฯ อย่างจริงจัง ตระเวนดูงานในฟาร์มหมูของเกษตรกรคอนแทรกต์ฟาร์มรายอื่นๆ พบว่าเป็นระบบที่มีมาตรฐาน ทั้งเรื่องระบบการเลี้ยงและการให้ผลตอบแทน จึงตัดสินใจสร้างฟาร์มสุขสำราญเมื่อปลายปี 2562 บนพื้นที่ 84 ไร่ มีโรงเรือนเลี้ยงหมูขุน 8 หลัง ความจุรวม 14,000 ตัว
วุฒาฤทธิ์ถ่ายทอดประสบการณ์และแนวคิดการทำสมาร์ทฟาร์มว่า เขานำเทคโนโลยีเต็มรูปแบบมาใช้ ทั้งระบบให้อาหารอัตโนมัติ ที่ช่วยลดแรงงาน ไม่ใช้คนเข้าไปให้อาหารในโรงเรือน เพื่อให้คนสัมผัสตัวสัตว์น้อยที่สุด ลดความเสี่ยงการนำโรคต่างๆ เข้าสู่ฝูงสัตว์ ตามมาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity) มีการติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) ทั้งภายในโรงเรือนเลี้ยงและภายนอก ภาพทั้งหมดเชื่อมต่อเข้ามือถือ ทำให้สามารถติดตามความเป็นอยู่ของสัตว์ เห็นภาพรวมภายในโรงเรือน และเห็นการทำงานของอุปกรณ์รวมถึงคนเลี้ยงได้ตลอดเวลา หากสภาพแวดล้อมไม่เป็นไปตามค่ามาตรฐานที่กำหนดก็สามารถปรับแก้ไขได้ทันท่วงที มีการสั่งงานผ่าน CCTV ช่วยให้สื่อสารกับคนเลี้ยงได้อย่างรวดเร็ว ระบบสามาร์ทฟาร์มยังทำให้มีข้อมูลขนาดใหญ่ ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลการผลิต ต้นทุนต่อตัว และวางแผนการเลี้ยงได้
วุฒเล่าต่อว่า ฟาร์มสุขสำราญลงทุนระบบป้องกันโรค หรือ Biosecurity ขั้นสูงสุด เพราะถือเป็นกุญแจสำคัญของการป้องกันโรคไม่ให้เข้าสู่ฝูงสัตว์ด้วยการทำฟาร์มระบบปิด ทางเข้า-ทางออกของหมูแยกออกจากกัน แยกส่วนพักอาศัย ส่วนเลี้ยงสัตว์ และพื้นที่ขายหมูอย่างชัดเจน ควบคู่กับการซีล (Seal) ให้บุคลากรที่ทำงานฟาร์มพักอาศัยอยู่ภายในฟาร์ม งดการออกนอกพื้นที่ และดูแลความเป็นอยู่อย่างดีที่สุด เพื่อการป้องกันและควบคุมความเสี่ยงต่อการนำโรคจากภายนอกเข้ามาสู่ฟาร์ม ก่อนเข้าทำงานในฟาร์มทุกคนต้องอาบน้ำ-สระผม เปลี่ยนชุดและรองเท้าที่เตรียมไว้ให้เท่านั้น และห้ามบุคคลภายนอกเข้าฟาร์มโดยไม่ได้รับอนุญาต
“การลงทุนทั้งระบบป้องกันโรคที่เข้มงวดและระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะการป้องกันไว้ก่อนย่อมดีกว่าแก้ไขในภายหลัง ขณะเดียวกัน เราให้ความสำคัญต่อมาตรฐานการผลิตที่ดี ทั้งมาตรฐานฟาร์มของกรมปศุสัตว์ และยึดหลักสวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare) โดยไม่มีการกั้นคอกเลี้ยง หมูทุกตัวมีอิสระจะอยู่ในคอกไหนก็ได้ กิน นอน ขับถ่ายได้อิสระ มีอาหารและน้ำอย่างเพียงพอ เมื่อหมูอยู่สบาย จึงไม่เครียด การเจริญเติบโตก็ดีตามไปด้วย ระบบทั้งหมดนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยง และส่งเสริมการผลิตเนื้อสัตว์คุณภาพ ปลอดภัย ปลอดโรค” วุฒาฤทธิ์กล่าว
ด้วยคำนึงถึงการอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างยั่งยืน และมีสภาพแวดล้อมที่สวยงามน่าอยู่ ฟาร์มสุขสำราญยึดแนวกรีนฟาร์ม (Greenfarm) ของซีพีเอฟ โดยเลี้ยงสัตว์ในโรงเรือนปิดแบบอีแวป ช่วยให้สภาพอากาศภายในโรงเรือนเหมาะสมทำให้หมูอยู่สบาย และช่วยป้องกันเรื่องกลิ่นและสัตว์พาหะต่างๆ มีระบบส้วมน้ำ ที่ช่วยแบ่งแยกจุดขับถ่ายในคอกเลี้ยง ทำให้คอกสะอาดและช่วยลดการใช้น้ำในการล้างคอก มีระบบฟอกอากาศท้ายโรงเรือน ลดกลิ่นเหม็นและกลิ่นก๊าซแอมโมเนียได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเพิ่มระบบพ่นน้ำยาปรับอากาศ และมีระบบไบโอแก๊สที่ทั้งลดกลิ่นและได้ก๊าซชีวภาพที่เป็นพลังงานสะอาด ผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าใช้ภายในฟาร์ม ช่วยลดต้นทุนด้านไฟฟ้าได้มากกว่า 80%
จากความสำเร็จของฟาร์มสุกรแห่งแรก ในเวลาอีกไม่ถึงปี วุฒาฤทธิ์ตัดสินใจขยายฟาร์มเลี้ยงหมูขุนแห่งที่สองที่ อ.พิบูลมังสาหาร จำนวน 12 โรงเรือน บนพื้นที่ 128 ไร่ เริ่มเข้าเลี้ยงหมูในช่วงเดือนมกราคม 2565 นี้ เขาบอกว่า “เมื่อก่อนเรามองเรื่องการเลี้ยงหมูอาจดูว่าไม่ค่อยมีมาตรฐาน หมูกินเศษอาหาร และมีกลิ่นเหม็น จนเมื่อได้เป็นเกษตรกรทำคอนแทรกต์ฟาร์มกับซีพีเอฟ ถึงรู้ว่าที่เราคิดนั้นต่างกันราวฟ้ากับดิน เพราะการเลี้ยงมีมาตรฐาน หมูสะอาด กินอาหารที่ดี ไม่มีการใช้สารเคมี ไม่มีการใช้สารเร่งเนื้อแดง และกว่าจะเข้าฟาร์มได้ต้องทำความสะอาด อาบน้ำ ฆ่าเชื้อ โรงเรือนไม่มีแมลงเข้า หมูอยู่เย็นสบาย มีความสุข ผลผลิตจึงมีคุณภาพ ปลอดสารปลอดภัย ปลอดโรค ในฐานะเกษตรกรรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการผลิตอาหารปลอดภัยให้แก่ผู้บริโภค” วุฒาฤทธิ์กล่าว
บุญเลิศ มาศผล หรือเลิศ เจ้าของ ฟาร์มมาศผล ต.กะเฉด อ.เมือง จ.ระยอง อายุ 54 ปี เป็นเกษตรกรอีกรายที่ประสบความสำเร็จกับอาชีพเลี้ยงหมู หลังจากตัดสินใจเปลี่ยนทุเรียนมาทำฟาร์มหมูขุนกับซีพีเอฟตั้งแต่ปี 2552 เลี้ยงหมูขุน 3,000 ตัว ด้วยระบบการเลี้ยงมาตรฐานของซีพีเอฟที่ได้รับการรับรองมาตรฐานฟาร์มจากกรมปศุสัตว์ นำเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติมาใช้ ภายใต้การเลี้ยงระบบปิด โรงเรือนอีแวปที่มีระบบส้วมน้ำเต็มรูปแบบ ใช้ไบโอแก๊สในการจัดการของเสียภายในฟาร์ม ได้ประโยชน์ทั้งในแง่สิ่งแวดล้อมและได้พลังงานไฟฟ้าใช้ภายในฟาร์ม ช่วยลดค่าไฟฟ้าได้ 100% ติดตามสภาพแวดล้อมในฟาร์มด้วยกล้อง CCTV ส่วนระบบการให้อาหาร ระบบน้ำ พัดลมระบายอากาศ มีเซ็นเซอร์ควบคุม ขณะที่อุณหภูมิ ความชื้น และความเร็วลม จะควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ ส่งคำสั่งผ่านสมาร์ทปลั๊กในโรงเรือน
จากฟาร์มหมูขุนแห่งแรก ต่อยอดสู่มาศผลฟาร์ม 2 อ.เมือง จ.สระแก้ว เลี้ยงหมูขุน 6,000 ตัว เมื่อปี 2556 เป็นฟาร์มที่ติดตั้งระบบอัตโนมัติเช่นเดียวกับฟาร์มแรกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต พร้อมทั้งนำระบบโซลาร์เซลล์ ขนาด 20 กิโลวัตต์ มาใช้ควบคู่กับไบโอแก๊ส ทำให้ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าจากการไฟฟ้าฯ เลย บางช่วงเวลามีไฟฟ้าเหลือใช้ด้วยจากขุมพลังของทั้งโซลาร์เซลล์และไบโอแก๊ส ทั้งฟาร์มและบ้านพักใช้พลังงานสะอาดทั้งหมด ตั้งแต่ระบบปั๊มน้ำ การใช้พัดลม และการจัดการน้ำเสียในกระบวนการผลิต
“การนำระบบอัตโนมัติมาช่วยในกระบวนการเลี้ยงหมูทำให้สามารถควบคุมกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทุกวันนี้การเลี้ยงหมูทั้ง 2 ฟาร์มมีการติดตามผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ ด้วยระบบสมาร์ทฟาร์มที่ช่วยให้มองเห็นความเป็นอยู่ของหมู กิจกรรมในฟาร์ม การทำงานของบุคลากร ซึ่งที่ฟาร์มมีคนเลี้ยงเพียง 2 คน มีหน้าที่หลักคือ ทำความสะอาด อาบน้ำหมู และดูแบสุขภาพหมู หากไม่มีงานเร่งด่วนจะไม่เข้าไปในโรงเรือนเลยเพื่อลดการสัมผัสฝูงสัตว์ ลดการนำเชื้อโรคต่างๆ เข้าสู่ตัวหมู การลงทุนกับระบบสมาร์ทฟาร์มถือว่าคุ้มค่ามากกับผลตอบแทนการเลี้ยงที่ได้รับ ซึ่งดีขึ้นเป็นลำดับตลอด 12 ปีที่ยึดอาชีพนี้” บุญเลิศกล่าว
ความสำเร็จทั้งหมดนี้ บุญเลิศบอกว่า มีซีพีเอฟเป็นเพื่อนที่ช่วยผลักดันมาตลอด ทำให้ชาวสวนที่ไม่เคยรู้เรื่องการเลี้ยงสัตว์สามารถทำอาชีพเลี้ยงหมูภายใต้ระบบมาตรฐาน ได้ผลผลิตหมูที่ปลอดภัย ปลอดสาร มีอาชีพที่มั่นคง ต่อยอดอาชีพ ขยายความสำเร็จได้อย่างเข้มแข็ง
ในยุคที่เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญ ซีพีเอฟมุ่งมั่นยกระดับระบบการบริหารฟาร์มเลี้ยงสัตว์ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และถ่ายทอดองค์ความรู้ไปสู่เกษตรกรคอนแทรกต์ฟาร์ม ก้าวสู่การเป็นเกษตรอัจฉริยะ เพิ่มประสิทธิภาพผลผลิต ทำให้ได้ผลผลิตคุณภาพและปลอดภัย นำไปสู่ความสำเร็จของเกษตรกรอย่างยั่งยืน