ไทยออยล์โชว์กำไร 9 เดือน 7,545 ล้านบาท ดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 10,558 ล้านบาท เนื่องจากมีมาร์จิ้นการกลั่นดีขึ้นและมีกำไรสต๊อกน้ำมัน 12,354 ล้านบาท คาดแนวโน้มราคาน้ำมันไตรมาส 4 นี้ทรงตัวในระดับสูงจากความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นหลังมีการคลายมาตรการล็อกดาวน์
นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP) เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/2564 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,062.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 715.29 ล้านบาท
ส่วนงวด 9 เดือนแรกปีนี้บริษัทมีกำไรสุทธิ 7,545.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 10,558.84 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้จากการขาย 231,530 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48,598 ล้านบาท สาเหตุหลักจากราคาขายผลิตภัณฑ์ปรับเพิ่มขึ้นแต่มีปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่มลดลงจากการปรับแผนการผลิตให้สอดคล้องกับสภาพตลาดที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ จากส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินและน้ำมันดิบดูไบ ส่วนต่างราคาน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานกับน้ำมันเตา และส่วนต่างราคาสารเบนซีนกับน้ำมันเบนซิน 95 ที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก รวมถึงกำไรขั้นต่ำของกลุ่มธุรกิจผลิตสารตั้งต้นสำหรับผลิตภัณฑ์สารทำความสะอาดที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้กำไรขั้นต้นของการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันเพิ่มขึ้น 2.90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 4.90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลใน 9 เดือนแรกปีนี้
นอกจากนี้ ยังมีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน 12,354 ล้านบาท เทียบกับผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน 9,190 ล้านบาทใน 9 เดือนแรกปี 2563 อย่างไรก็ตาม มีรายการปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป 242 ล้านบาท ลดลง 390 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เมื่อรวมผลขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงินที่เกิดขึ้นจริงสุทธิ 654 ล้านบาท ส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์มี EBITDA 22,060 ล้านบาท เทียบกับผลขาดทุน EBITDA 5,549 ล้านบาทใน 9 เดือนแรกปี 2563
อย่างไรก็ตาม กลุ่มไทยออยล์มีผลขาดทุนจากการวัดมูลค่ายุติธรรมเครื่องมือทางการเงิน 2,256 ล้านบาท และมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 5,118 ล้านบาท จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ เมื่อหักกับต้นทุนทางการเงิน 2,637 ล้านบาท ซึ่งลดลง 616 ล้านบาท จากการรวมต้นทุนการกู้ยืมเป็นส่วนหนึ่งของราคาทุนของสินทรัพย์ค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว พบว่า 9 เดือนแรกปีนี้ไทยออยล์มีกำไรสุทธิ 7,545 ล้านบาท ดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 10,559 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มราคาน้ำมันในไตรมาส 4/2564 คาดว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจากไตรมาส 3/2564 หลังจากหลายประเทศมีแนวโน้มยกเลิกหรือผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เนื่องจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 มีความคืบหน้าไปในทิศทางที่ดี ส่งผลให้ตลาดเชื่อมั่นมากขึ้นว่าทิศทางเศรษฐกิจจะดีขึ้น ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันฟื้นตัว ขณะที่สถานการณ์ตลาดพลังงานโลกไม่ว่าจะเป็นก๊าซธรรมชาติและถ่านหินมีความตึงตัวอย่างมาก และอาจทำให้หลายอุตสาหกรรมต้องหันมาใช้น้ำมันแทนเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการโดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวนี้ ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันในไตรมาส 4 ปีนี้มีแนวโน้มขยายตัว 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อนแตะระดับ 100 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันอาจจะได้รับผลกระทบจากอุปทานที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มโอเปกพลัสและนอกกลุ่มโอเปกพลัสหลังราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูง