GPSC แจงกำไรสุทธิงวด 9 เดือนปี 64 โตขึ้น 2% อยู่ที่ 6.15 พันล้านบาท เป็นผลจากการรับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าไซยะบุรีเพิ่มขึ้นและกำไรจากโรงไฟฟ้าเอสพีพี ส่วนงวดไตรมาส 3/64 กำไรวูบ 27% เหตุโรงไฟฟ้าเก็คโค่วันปิดซ่อมบำรุงนอกแผนงานและต้นทุนค่าเชื้อเพลิงท้้งก๊าซและถ่านหินเพิ่มขึ้น
นายทิติพงษ์ จุลพรศิริดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/2564 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,874.75 ล้านบาท ลดลง 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 2,574.39 ล้านบาท เนื่องจากกำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (เอสพีพี) ลดลงจากต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับโรงไฟฟ้าโกลว์พลังงาน ระยะที่ 5 ได้หยุดเดินเครื่องนอกแผนงานตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา แม้ว่าปริมาณการขายไฟฟ้าและไอน้ำจะสูงขึ้นก็ตาม และกำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าผู้ผลิตอิสระ (ไอพีพี) ลดลงเนื่องจากโรงไฟฟ้าเก็คโค่วันมีการหยุดซ่อมบำรุง 28 วัน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรของโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีเพิ่มขึ้น จากปริมาณน้ำที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ บริษัทฯ รับรู้มูลค่า Synergy จากการควบรวมกิจการสุทธิหลังภาษี จำนวน 432 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 3 ปี 2564 ซึ่งส่วนหลักได้รับจากการบริหารจัดการการผลิตและใช้โครงข่ายไฟฟ้าและไอน้ำร่วมกัน การบริหารส่วนการพาณิชย์ด้านต้นทุน การผลิตและการขยายฐานลูกค้า การบริหารจัดการงานจัดซื้อและงานซ่อมบำรุงรักษา
ส่วนงวด 9 เดือนแรกปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 6,150.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,050.24 ล้านบาท เนื่องจากรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีเพิ่มขึ้น 750 ล้านบาท และมีกำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าเอสพีพีเพิ่มขึ้นจากปริมาณการขายไฟฟ้าและไอน้ำให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ประกอบกับต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติโดยรวมที่ปรับตัวลดลง ขณะที่ต้นทุนค่าถ่านหินโดยรวมปรับเพิ่มขึ้น ส่วนโรงไฟฟ้าโกลว์พลังงาน ระยะที่ 5 หยุดซ่อมแซม อย่างไรก็ตาม กำไรขั้นต้นโรงไฟฟ้าไอพีพีลดลง เนื่องจากโรงไฟฟ้าเก็คโค่วันหยุดซ่อมบำรุง ส่งผลให้รายได้ค่าความพร้อมจ่ายลดลง