xs
xsm
sm
md
lg

ส.อ.ท.เปิดผลสำรวจราคาพลังงานพุ่งกระทบภาคผลิต จ่อปรับตัวหันใช้พลังงานหมุนเวียน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ส.อ.ท.” เปิดผลสำรวจ CEO Survey มองราคาพลังงานพุ่งแรงกระทบภาคอุตสาหกรรม โดย 38% กระทบหนัก ขณะที่ 49.3% กระทบปานกลาง โดยพบว่า 88% ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ 84% ค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ปรับตัวสูงขึ้น หนุนรัฐตรึงค่าไฟ ปรับสูตรโครงสร้างพลังงานชั่วคราว 3-6 เดือนลดภาระ และระยะยาวจ่อปรับตัวใช้พลังงานหมุนเวียนรับมือ

นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 11 ในเดือนตุลาคม 2564 ภายใต้หัวข้อ “ราคาพลังงานพุ่งแรง กระทบภาคอุตสาหกรรมแค่ไหน?” จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 150 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด พบว่า ผู้บริหารส่วนใหญ่มองว่าราคาพลังงานโดยเฉพาะน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นตามทิศทางตลาดโลกกระทบต่อการดำเนินธุรกิจภาคอุตสาหกรรมระดับปานกลางถึงหนักมาก โดยเฉพาะในเรื่องต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการ รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านโลจิสติกส์ที่ปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้นจึงเสนอขอให้ภาครัฐช่วยบรรเทาผลกระทบดังกล่าว โดยสนับสนุนการตรึงราคาค่าไฟฟ้า (Ft) จนถึงสิ้นปี 2564 การปรับสูตรและโครงสร้างราคาพลังงานชั่วคราว 3-6 เดือน เพื่อลดภาระให้แก่ผู้ประกอบการ รวมทั้งดำเนินนโยบายในการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่อลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลในระยะยาว

โดยรายละเอียดของการสำรวจจาก 7 คำถาม ดังนี้ 1. ราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นในปัจจุบันส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมระดับใด อันดับที่ 1 : กระทบปานกลาง 49.3% อันดับที่ 2 : กระทบมาก 38.0% อันดับที่ 3 : กระทบน้อย 12.7% 

 2. ปัจจัยใดที่ส่งผลกระทบให้ราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้นในปัจจุบัน อันดับที่ 1 : นโยบายการผลิตน้ำมันของประเทศกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน 76.7% อันดับที่ 2 : การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลทำให้อุปสงค์ด้านพลังงานเพิ่มสูงขึ้น 68.7% อันดับที่ 3 : ความผันผวนของค่าเงิน และภาวะเงินบาทอ่อนค่า 53.3% อันดับที่ 4 : อุปสงค์ด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้นจากการเข้าสู่ฤดูหนาวในกลุ่มประเทศฝั่งตะวันตก 51.3%

3. ปัจจุบันต้นทุนด้านพลังงานของธุรกิจท่านคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับต้นทุนในการประกอบการ อันดับที่ 1 : ต้นทุนด้านพลังงาน 10-20% 46.0% อันดับที่ 2 : ต้นทุนด้านพลังงาน น้อยกว่า 10% 24.0% อันดับที่ 3 : ต้นทุนด้านพลังงาน 30-50% 20.0% อันดับที่ 4 : ต้นทุนด้านพลังงานมากกว่า 50% 10.0%

4. แนวโน้มราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในเรื่องใด อันดับที่ 1 : ต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการปรับตัวสูงขึ้น 88.0% อันดับที่ 2 : ค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ปรับตัวสูงขึ้น 84.0% อันดับที่ 3 : เกิดภาวะเงินเฟ้อ และกระทบต่อกำลังซื้อ/การบริโภคของภาคเอกชน 34.0% อันดับที่ 4 : ขาดแคลนวัตถุดิบจากจีน จากภาวะขาดแคลนพลังงาน 25.3%

5. ภาครัฐควรมีมาตรการช่วยเหลือบรรเทาผลกระทบจากต้นทุนราคาพลังงานที่ปรับสูงขึ้นอย่างไร อันดับที่ 1 : ตรึงราคาค่าไฟฟ้า (FT) จนถึงสิ้นปี 2564 66.0% อันดับที่ 2 : ปรับสูตรและโครงสร้างราคาพลังงานชั่วคราว 3-6 เดือน เพื่อลดภาระผู้ประกอบการ 56.7% อันดับที่ 3 : จัดสรรงบประมาณหรือใช้เงินกองทุนเพื่อชดเชยและตรึงราคาพลังงานทุกประเภท 54.0% อันดับที่ 4 : ลดอัตราภาษีสรรพสามิต ภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อลดราคาขายปลีกน้ำมัน LPG และ NGV 53.3%
6. ภาครัฐควรดำเนินนโยบายด้านพลังงานในระยะยาวอย่างไร เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน และลดผลกระทบจากราคาพลังงานที่ผันผวน อันดับที่ 1 : ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน เพื่อลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล 74.7% อันดับที่ 2 : ส่งเสริมการประหยัดพลังงาน และนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ 72.7% อันดับที่ 3 : ปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้เป็นธรรมแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าและความร้อน 64.0% อันดับที่ 4 : ส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า 44.0%

7. ภาคอุตสาหกรรมควรมีการปรับตัวรับมือกับราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างไร อันดับที่ 1 : นำเทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพมาใช้เพื่อลดและประหยัดพลังงาน 77.3% อันดับที่ 2 : นำระบบการบริหารจัดการพลังงานมาใช้ ปรับแผนการผลิตและโลจิสติกส์เพื่อลดต้นทุน 73.3% อันดับที่ 3 : การใช้พลังงานหมุนเวียนภายในโรงงาน หรือผลิตไฟฟ้าใช้เอง เช่น Solar cell, Biogas, Biomass 71.3% อันดับที่ 4 : สร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พลังงานและเทคนิคการใช้พลังงานอย่างประหยัด 59.3%
กำลังโหลดความคิดเห็น