กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมมือกับ CPAC หนุนสร้างดีมานด์การใช้รถ EV เพิ่มในภาคเอกชน นำร่องศึกษารถโม่พลังงานไฟฟ้า (EV Fleet) ในการขนส่งคอนกรีตเดินหน้าสู่องค์กรยั่งยืน “ปลัดอุตฯ” เดินหน้าจีบยักษ์ใหญ่เอกชนรายอื่นๆ ทั้งกลุ่ม ปตท.-ไทยเบฟ หวังร่วมลงนามเป็นแรงขับเคลื่อนใช้ EV สร้างเชื่อมั่นมากขึ้น
นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และ นายชนะ ภูมี ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี ร่วมพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจโครงการการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรม กับ บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด ว่าด้วยความร่วมมือของภาครัฐกับองค์กรธุรกิจภาคเอกชน ในโครงการการใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าที่รัฐบาลสนับสนุนส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในภาคเอกชน กระตุ้นให้เกิดการใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าในภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น เป็นประโยชน์ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ในการลดฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ที่เกิดจากการสันดาปภายในของเครื่องยนต์ทั่วไป
ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าวภายหลังการลงนามฯ ว่า กระทรวงฯ ขานรับนโยบายรัฐบาลโดยการกำหนดนโยบายเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรม และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยส่งเสริมให้ภาครัฐและเอกชนบูรณาการร่วมกันในการใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า และผลักดันให้เกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อส่งเสริมการลงทุนและสนับสนุนผู้ประกอบการ รวมถึงเร่งผลักดันสิทธิประโยชน์และมาตรการรองรับด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยกระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมส่งเสริมและบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อให้เกิดการใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าภายในประเทศ ซึ่งจะช่วยลดปัญหามลพิษฝุ่นละออง PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“เราเองก็กำลังชวนบริษัทรายใหญ่ๆ เช่น บมจ.ปตท. บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ เป็นต้น ที่จะเข้ามาร่วมส่งเสริมการใช้รถอีวีในภาคเอกชนให้มากขึ้น เพื่อที่จะสร้างดีมานด์ภายในประเทศในการดึงดูดการลงทุน” นายกอบชัยกล่าว
นายชนะ ภูมี ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี กล่าวว่า เอสซีจี พร้อมสนับสนุนนโยบายกระทรวงอุตสาหกรรม ทั้งการส่งเสริมห่วงโซ่อุปทานยานยนต์ไฟฟ้าและลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ตามความมุ่งหวังของ CPAC ที่ต้องการให้การดำเนินธุรกิจเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Construction) เพื่อให้การก่อสร้างของประเทศเกิดการพัฒนา พร้อมสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของเอสซีจีที่ยึดหลัก ESG (Environmental, Social and Governance) ซึ่งคำนึงถึงผลกระทบ สิ่งแวดล้อม ดูแลสังคม และมีบรรษัทภิบาล
CPAC มีแผนเปลี่ยนยานยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในจากยานยนต์แบบดั้งเดิมที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง มาเป็นยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ทั้งในส่วนของรถบรรทุก เช่น รถโม่จัดส่งคอนกรีต รถขนส่งปูนซีเมนต์ ตลอดจนรถโดยสารใช้งานทั่วไปของบริษัท โดยตั้งเป้าเป็นรถ EV 100% ภายในปี พ.ศ. 2578 โดยการลงนามครั้งนี้มุ่งเน้นการศึกษารถโม่การจัดส่งคอนกรีต CPAC ที่จะทดลองนำเข้าชิ้นส่วนจากต่างประเทศมาประกอบเป็นรถโม่พลังงานไฟฟ้า (EV Mixer Truck) นำร่องทดสอบ 2 คันแรกมาใช้ขนส่งคอนกรีตเป็นรายแรกของไทยปี 2564 และหากการทดลองประสบความสำเร็จจะขยายผลในปี 2565 เขต กรุงเทพฯ และปริมณฑล และขยายผลไปทั่วประเทศในปี พ.ศ. 2566 ต่อไป