“สนพ.” เดินหน้าเปิดรับฟังความคิดเห็น “กรอบแผนพลังงานชาติ” ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ตอบมติ กพช.ที่มุ่งเน้นสู่พลังงานสะอาดเพิ่มขึ้น วางจุดยืนไทยในเวทีโลกในการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ปี ค.ศ. 2065-2070 ก่อนนำไปจัดทำแผนย่อย 5 แผนเสนอ กพช.อีกรอบปลายปี 65 และรวบเป็นแผนเดียว คาดใช้ได้จริงปี 2566
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)เปิดเผยว่า
สนพ.ได้เปิดรับฟังความคิดเห็น “กรอบแผนพลังงานชาติ” หรือ National Plan 2022 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมี นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวง เป็นประธาน เพื่อให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เดือน ส.ค. 64 ที่วางกรอบและทิศทางของแผนฯ มุ่งสู่พลังงานสะอาดมากขึ้น และเพื่อแสดงถึงจุดยืนและการเตรียมการในการปรับเปลี่ยนให้รองรับแนวโน้มการเปลี่ยนผ่านระบบเศรษฐกิจสู่เศรษฐกิจแบบคาร์บอนต่ำ (Neutral-carbon economy) การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย และโอกาสในการดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศที่มีนโยบายมุ่งเน้นการใช้พลังงานสะอาด โดยเฉพาะภายในช่วงเวลา 1-10 ปีข้างหน้า โดยคาดว่าแผนดังกล่าวจะเริ่มใช้ได้จริงในปี 2566
“หลังจากรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนทั้งรัฐ เอกชน ประชาชน ก็จะนำไปปรับปรุงกรอบแผนพลังงานชาติ ก่อนมอบให้แต่ละหน่วยงานจัดทำ 5 แผนย่อยเพื่อสรุปเสนอให้ กพช.พิจารณาอีกครั้งช่วงปลายปี 2565 และคาดว่าแผนจะใช้ได้จริงในปี 2566 ซึ่งยืนยันว่าการจัดทำแผนดังกล่าวยังเป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่เสนอ กพช.” นายวัฒนพงษ์กล่าว
สำหรับ 5 แผนย่อย ได้แก่ แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ PDP 2022 แผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ หรือ Gas Plan โดย สนพ.เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก หรือ AEDP และแผนอนุรักษ์พลังงาน หรือ EEP กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนแผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง หรือ Oil Plan ทางกรมธุรกิจพลังงานเป็นผู้รับผิดชอบ โดยทั้ง 5 แผนจะถูกรวบรวมและจัดทำให้เป็นแผนพลังงานชาติเพียงฉบับเดียว โดยหลังจากนั้นจะเปิดรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนในสังคม เพื่อให้ได้แผนพลังงานชาติที่ประชาชนมีส่วนร่วมตั้งแต่ขั้นเริ่มต้นจัดทำแผนฯ ร่วมกันกำหนดทิศทางให้นโยบายด้านพลังงานของประเทศไทย และจะนำเสนอ กบง.และ กพช.ตามลำดับต่อไป
สำหรับ กพช.มีมติเห็นชอบกรอบแผนฯ ดังกล่าวเมื่อเดือนสิงหาคม 2564 ที่ผ่านมาได้กำหนดแนวนโยบายภาคพลังงาน โดยมีเป้าหมายสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถมุ่งสู่พลังงานสะอาด และลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2065-2070 พร้อมได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงานดำเนินการระยะเร่งด่วน ดังนี้ 1. จัดทำแผนพลังงานชาติ ภายใต้กรอบนโยบายที่ทำให้ภาคพลังงานขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจให้สามารถรองรับแนวโน้มการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ Neutral-Carbon Economy ได้ในระยะยาว
2. พิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดในรูปแบบต่างๆ และปรับลดสัดส่วนการรับซื้อไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ภายใต้ PDP2018 rev.1 ในช่วง 10 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2564-2573) ตามความเหมาะสม โดยให้นำหลักการวางแผนเชิงความน่าจะเป็นโอกาสเกิดไฟฟ้าดับ (LOLE) มาใช้เป็นเกณฑ์แทนกำลังผลิตไฟฟ้าสำรอง (Reserve Margin) ซึ่งไม่สะท้อนผลจากความไม่แน่นอนของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่สูงขึ้นได้ 3. ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานระบบสายส่งและจำหน่ายไฟฟ้าให้มีความยืดหยุ่น มีประสิทธิภาพ และครอบคลุมพื้นที่ศักยภาพของพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบต่างๆ เพื่อรองรับปริมาณกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในอนาคต และสามารถตอบสนองต่อการผลิตไฟฟ้าได้อย่างทันท่วงทีโดยไม่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ