กรมเจ้าท่าสร้างและปรับปรุงเขื่อนป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งบ้านหน้าสตน อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช รวมความยาว 110 เมตร ก้าวหน้า 26% กำหนดเสร็จ พ.ย. 65 ช่วยแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผยว่า แนวชายฝั่งทะเลของจังหวัดนครศรีธรรมราชประสบปัญหาการกัดเซาะตลอดแนวชายฝั่ง โดยมีระดับความรุนแรงและสาเหตุที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งการกัดเซาะชายฝั่งเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงของชายฝั่งทะเลที่เกิดขึ้นตลอดเวลาจากการกัดเซาะของคลื่นหรือลมตะกอนจากที่หนึ่งไปตกทับถมในอีกบริเวณหนึ่ง ทำให้แนวของชายฝั่งเดิมเปลี่ยนแปลงไปโดยเฉพาะบริเวณที่มีตะกอนเคลื่อนเข้ามาน้อยกว่าบริเวณที่มีปริมาณตะกอนเคลื่อนออกไป
กรมเจ้าท่าได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้ดำเนินงานด้านการป้องกันแก้ไขการกัดเซาะชายฝั่งมาอย่างต่อเนื่อง โดยสั่งการให้กองวิศวกรรมออกแบบแนวควบคุมการกัดเซาะโดยเร่งด่วน พร้อมลงพื้นที่สำรวจศึกษาและออกแบบการก่อสร้างให้เหมาะสม และลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมต่อประชาชนในพื้นที่ให้น้อยที่สุด
สำหรับโครงการก่อสร้างปรับปรุงเขื่อนป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งที่บริเวณบ้านหน้าโกฏิ ถึงบ้านหน้าสตน อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช 1 แห่ง กรมเจ้าท่าได้ทำการว่าจ้างบริษัทกิจการร่วมค้าเอส ซี จี 1995 & เค.พี.ซี.ดำเนินการก่อสร้างเขื่อนป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งในรูปแบบเขื่อนกันคลื่น (breakwater) โดยการก่อสร้างในรูปแบบดังกล่าวจะช่วยชะลอความเร็วของน้ำที่เข้ากระทบชายฝั่ง โดยจะใช้หินก้อนขนาดใหญ่วางเป็นระยะๆ ขนานไปกับชายฝั่งและให้มีความสอดคล้องกับสภาพชายหาด ข้อดีคือทนต่อสภาพอากาศและความเสียหาย ไม่จำเป็นต้องบำรุงรักษามาก
โดยโครงการเริ่มเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2563 สิ้นสุดวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 ดำเนินการก่อสร้างปรับปรุงเขื่อนฯ นอกชายฝั่ง ความยาว 20 เมตร จำนวน 8 ตัว ก่อสร้างปรับปรุงเขื่อนฯ นอกชายฝั่ง ความยาว 40 เมตร จำนวน 112 ตัว และก่อสร้างปรับปรุงเขื่อนฯ นอกชายฝั่ง ความยาว 50 เมตร จำนวน 11 ตัว ปัจจุบันดำเนินการไปแล้วคิดเป็น 26%
ทั้งนี้ การพัฒนาและบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งตามยุทธศาสตร์ของกระทรวงคมนาคมและกรมเจ้าท่าในการป้องกันการกัดเซาะตามแผนการบูรณาการเสริมสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับประเทศจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันปัญหาการกัดเซาะของพื้นที่อยู่อาศัยและการประกอบอาชีพของประชาชน เกิดเป็นการบริหารจัดการชายฝั่งอย่างเป็นระบบและยั่งยืน