“อุบล ไบโอ เอทานอล” ระดมทุนในตลาดหุ้นปีนี้เพื่อเน้นขยายการลงทุนในธุรกิจแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิกและเกษตรอินทรีย์ ดันรายได้แซงหน้าธุรกิจเอทานอลใน 5 ปีข้างหน้า รองรับเทรนด์อาหารในอนาคตที่เน้นอาหารออร์แกนิกมากขึ้น
นายเดชพนต์ เลิศสุวรรณโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทอุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน)(UBE) เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 1,370 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 1.00 บาท/หุ้น คิดเป็น 35% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ คาดว่าจะขายหุ้น IPO และเทรดซื้อขายหุ้นได้ภายในปีนี้ โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนดังกล่าวบริษัทจะนำมาใช้ในการขยายกำลังการผลิตแบบคอขวด (Debottle Neck) เอทานอลเกรดเชื้อเพลิงจากปัจจุบันที่ผลิตอยู่ 130 ล้านลิตรต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 146 ล้านลิตรต่อปีตามใบอนุญาตที่ให้บริษัทได้รับให้ผลิตได้เพื่อให้เต็มศักยภาพ โดยมีตลาดรองรับพร้อมอยู่แล้ว
นอกจากนี้ บริษัทฯ รอความชัดเจนจากภาครัฐในการเปิดเสรีในการผลิตและจำหน่ายเอทานอลเกรดอุตสาหกรรม จากปัจจุบันที่ผ่อนผันชั่วคราวในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแอลกอฮอล์และเจลล้างมือ หากรัฐเปิดเสรีดังกล่าวบริษัทก็มีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตเอทานอลเกรดอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันผลิตอยู่ประมาณ 8 ล้านลิตรต่อปี
บริษัทมีแผนขยายธุรกิจแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิก จากปัจจุบันผลิต 4 หมื่นตันเพิ่มเป็น 1 แสนตันต่อปีภายในระยะ 5 ปีข้างหน้า ซึ่งการลงทุนการขยายกำลังการผลิตนั้นจะเริ่มดำเนินการในปีนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2566 โดยจะลดการผลิตแป้งมันสำปะหลังธรรมดาลงจากปัจจุบันผลิตอยู่ 1.1 แสนตันต่อปี เหลือเพียง 4-5 หมื่นตันต่อปี เนื่องจากกำไรธุรกิจผลิตแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิกสูงกว่า 3 เท่า ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพทำให้เทรนด์อาหารแห่งอนาคตจะเน้นอาหารออร์แกนิกมากขึ้น
รวมทั้งต่อยอดผลิตภัณฑ์แป้งฟลาวมันสำปะหลังออร์แกนิก ที่นำมาทดแทนแป้งสาลี ซึ่งปัจจุบันไทยต้องนำเข้ามากกว่า 90% ของการใช้แป้งสาลีทั้งหมด โดยแป้งฟลาวมันสำปะหลังออร์แกนิกมีจุดเด่น คือ Gluten-Free ไฟเบอร์สูง ดัชนีน้ำตาลต่ำ และไม่ใช่ GMO โดยนำมาทำขนม เบเกอรี ขนมปัง ทำเส้นบะหมี่ แป้งทำเกี๊ยวซ่า โดยบริษัทจะทยอยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาต่อเนื่อง ซึ่งเร็วๆ นี้จะออกผลิตภัณฑ์แป้งชุบทอดภายใต้แบรนด์ “Tasuko” ที่จำหน่ายในไทย และแบรนด์ “Savvy” เน้นการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน
นายเดชพนต์กล่าวว่า บริษัทฯ ยังมีแผนลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตสารให้ความหวานออร์แกนิกแคลอรีต่ำ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ปลายปี 2564 แล้วเสร็จต้นปี 2566
ส่วนธุรกิจเกษตรอินทรีย์ ในปัจจุบันมีการผลิตและจำหน่ายสินค้ากาแฟ และข้าวที่ได้รับมาตรฐานออร์แกนิกสากล เน้นส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และยุโรปเป็นหลัก ซึ่งในปี 2565 จะนำกาแฟ และข้าวออร์แกนิกมาพัฒนาต่อยอดเป็นแบรนด์ของตัวเองเพื่อจำหน่ายในไทยด้วย
การขยายลงทุนในธุรกิจเกษตรอินทรีย์นั้นจำเป็นต้องมีพื้นที่เพาะปลูกแบบออร์แกนิก ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีพื้นที่เกษตรของตัวเองอยู่นับพันไร่ และมีเครือข่ายเกษตรกรในรูปแบบ Contract farming 100% ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ซึ่งภายหลังจากระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็มีแผนจะขยายพื้นที่เกษตรเพิ่มเป็นนับหมื่นไร่ภายใน 5 ปี
จากการขยายการลงทุนในช่วง 5 ปีข้างหน้า บริษัทตั้งเป้าโครงสร้างรายได้มาจากกลุ่มแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิก และเกษตรอินทรีย์มากขึ้นเป็น 70% และกลุ่มธุรกิจเอทานอล 30% จากปัจจุบันสัดส่วนรายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจเอทานอลถึง 70%
สำหรับผลประกอบการ 6 เดือนแรกปีนี้ บริษัทมีรายได้จากการขาย 2,946.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 2,104.23 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 106.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 71.7 ล้านบาท