ขสมก.ปรับแผนขยายเวลาเดินรถโดยสารแก้ไขปัญหาผู้ใช้บริการตกค้างในเส้นทาง โดยปล่อยรถโดยสารคันสุดท้ายออกจากท่า จาก 20.00 น. เป็น 21.00 น. รวมทั้งเพิ่มเที่ยววิ่ง วันธรรมดา 22,000 เที่ยว/วัน และวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ 18,000-20,000 เที่ยว/วัน
นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านการขนส่ง เปิดเผยว่า ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. มีมติผ่อนคลายกิจการกิจกรรมบางส่วนให้สามารถดำเนินการได้ เช่น ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 ส่งผลให้ประชาชนออกมาใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะเป็นจำนวนมาก ในส่วนของ ขสมก.ได้มีการจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการรถโดยสารประจำทางทุกคัน ไม่ให้เกินร้อยละ 75 ของความจุผู้ใช้บริการ ตามที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น รวมทั้งได้มีการเพิ่มเที่ยววิ่งเพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้น
จากการประชุมร่วมกับผู้บริหาร ขสมก. พร้อมรับฟังสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นต่อการให้บริการประชาชน ในวันแรกของการคลาย Lock Down เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2564 เพื่อเพิ่มมาตรการการดูแลการเดินทางประชาชน ซึ่งนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้ ผอ.เขตเดินรถทุกเขตสอดส่อง ตรวจสอบ และสำรวจสภาพการเดินทางในช่วงเร่งด่วน ห้ามให้มีประชาชนตกค้างการเดินทาง หากพบว่ามีปริมาณการเดินทางมาก ให้เตรียมรถไว้ในจุดใกล้เคียงเพื่อเสริมรถได้ในทันที และมอบหมายให้สายตรวจ ขสมก.ส่งภาพทุกพื้นที่ตั้งแต่เวลา 18.00-20.00 น. ร่วมกับการใช้ภาพจากกล้อง CCTV กำกับการจัดการเดินรถ เพิ่มความถี่การให้บริการ จากเดิม 18,000 เที่ยว/วัน เป็น 22,000 เที่ยว/วัน และเพิ่มความถี่การเดินรถในช่วงเวลาเร่งด่วนเพื่อลดความแออัดของผู้โดยสาร
ด้าน นางพนิดา ทองสุข รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร รักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมาได้มีข่าวทางสื่อมวลชนว่ามีประชาชนผู้ใช้บริการจำนวนมากตกค้างในเส้นทางในช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. ดังนั้น ขสมก.จึงได้มีการปรับแผนการเดินรถเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยขยายเวลาการปล่อยรถโดยสารคันสุดท้ายออกจากท่าปลายทาง จากเดิมเวลา 20.00 น. เป็นเวลา 21.00 น. พร้อมปรับเพิ่มความถี่ในช่วงการปล่อยรถ 3 คันสุดท้ายให้มีระยะห่างกัน 5-10 นาที โดยจะมีป้ายติดหน้ารถโดยสารแจ้งว่าเป็น 3 คันสุดท้าย
นอกจากนี้จะมีการเพิ่มเที่ยววิ่งรถโดยสาร วันธรรมดา 22,000 เที่ยว/วัน วันเสาร์-วันอาทิตย์ 18,000-20,000 เที่ยว/วัน หรือจัดเดินรถให้สอดคล้องกับความต้องการใช้บริการของประชาชนในแต่ละช่วงเวลา โดยให้บริการตั้งแต่เวลา 05.00-21.00 น. (เวลา 21.00 น. คือเวลาที่รถโดยสารคันสุดท้ายออกจากท่าปลายทาง) และเพิ่มความถี่ในการปล่อยรถ ช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า (05.00-08.00 น.) และช่วงเวลาเร่งด่วนเย็นถึงเวลาก่อนรถโดยสารหยุดให้บริการ (16.00-22.00 น.) ให้มีระยะห่างกันไม่เกิน 5-10 นาที หรือจัดเดินรถให้สอดคล้องกับความต้องการใช้บริการของประชาชน
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือผู้ใช้บริการปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) อย่างเคร่งครัด และสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งขณะใช้บริการรถโดยสาร นั่งหรือยืนตามจุดที่กำหนด กรณีผู้ใช้บริการเต็มจะต้องรอใช้บริการรถโดยสารคันถัดไป รวมทั้งขอความร่วมมือผู้ใช้บริกา เตรียมตัวกลับบ้าน ก่อนเวลา 19.00 น. เพื่อลดความแออัดของผู้ใช้บริการบนรถโดยสารในช่วงเวลาก่อนรถโดยสารหยุดให้บริการ