xs
xsm
sm
md
lg

พิษล็อกดาวน์-ชิป/ชิ้นส่วนขาด ฉุดยอดขายรถยนต์ในประเทศ ก.ค.ต่ำสุดในรอบ 7 เดือน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ส.อ.ท.เผยล็อกดาวน์ฉุดยอดขายรถยนต์ในประเทศ ก.ค.ต่ำสุดในรอบ 7 เดือน คนไทยหวั่นไม่มีรายได้พอยกเลิกจองรถพุ่ง ไฟแนนซ์ไม่ปล่อยสินเชื่อหนัก แถมชิป-ชิ้นส่วนขาดซ้ำเติม ส่งผลให้ยอดผลิตรถ ก.ค.แตะ 1.22 แสนคัน หากไม่นับ เม.ย. 64 ที่วันหยุดเยอะก็ถือว่าต่ำสุดปีนี้ จับตาชิปทั่วโลกขาดส่อทำค่ายรถในไทยจากนี้ถึงสิ้นปีลดการผลิต

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเดือนกรกฎาคม 2564 มีจำนวนทั้งสิ้น 52,442 คัน ต่ำสุดในรอบ 7 เดือน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 11.62% และลดลงจาก มิ.ย. 64 คิดเป็น 15.08% เนื่องจากศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้กำหนดมาตรการล็อกดาวน์ช่วงกลาง ก.ค. ส่งผลให้ลูกค้ายกเลิกการจองรถหรือเลื่อนการรับรถออกไป รวมถึงสถาบันการเงินมีการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อ และมีการชะลอการผลิตรถยนต์รุ่นที่นิยมจากการขาดแคลนชิปและชิ้นส่วนรถยนต์ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ในประเทศและประเทศคู่ค้าที่ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ดังนั้นจึงต้องติดตามใกล้ชิดว่า ศบค.จะมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์หรือไม่ ซึ่งจะมีผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ดีขึ้น

“การล็อกดาวน์ต่อเนื่องทำให้ประชาชนระวังการใช้จ่ายเพราะมองรายได้ในอนาคตไม่แน่นอน ส่งผลให้โชว์รูมรถยนต์ส่วนใหญ่ถูกลูกค้ายกเลิกการจองรถ และเลื่อนรับรถโดยส่วนใหญ่จะยกเลิกการจองมากกว่า ขณะที่ไฟแนนซ์เองก็ระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งช่วงเศรษฐกิจดีๆ นั้นไฟแนนซ์จะปฏิเสธการให้สินเชื่อเพียง 5-10% แต่ช่วงนี้ปฏิเสธสูงถึง 50% สำหรับรถยนต์ราคาไม่สูงนัก แต่รถยนต์ราคาแพงรวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าพบว่ายังไม่กระทบมาก หากรัฐทยอยผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ก็เชื่อว่าจะทำให้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ยอดขายรถยนต์ 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค. 64) 425,633 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 9.71% แม้จะเพิ่มขึ้นแต่ก็เทียบกับปีที่แล้วที่ฐานค่อนข้างต่ำ” นายสุรพงษ์กล่าว

สำหรับการผลิตรถยนต์ในประเทศเดือน ก.ค.มีทั้งสิ้น 122,852 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 37.52% เพราะฐานต่ำในปีที่แล้ว และต่ำสุดรอบปีนี้หากไม่นับรวมเดือน เม.ย. 64 ที่มีวันหยุดจำนวนมาก เนื่องจากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์ส่วนใหญ่พบกับปัญหาขาดแคลนชิปเซมิคอนดักเตอร์ที่เป็นชิ้นส่วนสำคัญและชิ้นส่วนรถยนต์บางชิ้นในการผลิตจากผลกระทบโรงงานผลิตชิ้นส่วนทั้งในและเพื่อนบ้านได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จึงต้องชะลอการผลิตรถยนต์บางรุ่น โดย 7 เดือนแรกปีนี้ผลิตรถยนต์ทั้งสิ้น 967,453 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 39.11% ซึ่งหากการผลิตยังอยู่ระดับดังกล่าวผลกระทบต่างๆ ไม่รุนแรงขึ้นคาดว่าการผลิตรถยนต์ปี 2564 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 1,550,000-1,600,000 คัน แบ่งเป็นผลิตเพื่อส่งออก 800,000-850,000 คัน ผลิตเพื่อขายในประเทศ 750,000 คัน

ส่วนการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือน ก.ค. 64 ส่งออกได้ 70,590 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 42.42% เพราะฐานต่ำในปีที่แล้ว แต่ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2564 จำนวน 14.97% โดยส่งออกลดลงในบางทวีป เช่น ตะวันออกกลาง แอฟริกา และยุโรป เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ COVID-19 ระลอกใหม่ ทำให้ยอดขายรถยนต์ในประเทศคู่ค้าลดลง ส่งผลให้การส่งออก 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค. 64) 544,079 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 35.98% โดยมูลค่าส่งออกรถยนต์ 7 เดือนแรกปี 64 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 469,509.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 51.58% ก็ยอมรับว่ากังวลว่าการส่งออกกลุ่มยานยนต์จะไม่ถึง 1 ล้านล้านบาทอย่างที่คาดหวังไว้ ซึ่งคงต้องขอติดตามสถานการณ์อีก 1-2 เดือน

“เรายังกังวลปัญหาการขาดแคลนชิปจากทั่วโลก จึงไม่ปรับเป้าการผลิตเพื่อส่งออกสู่ระดับ 900,000 คันโดยคาดว่าปัญหานี้จะยังคงมีไปถึงปี 2565 จากความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากการทำงานอยู่บ้าน (WFH) ทั่วโลก ทำให้ชิปมีความต้องการสูงขึ้นในทุกภาคส่วน” นายสุรพงษ์กล่าว


นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ปัญหาการขาดแคลนชิปจะส่งผลกระทบต่อการผลิตรถยนต์โดยรวม จะเห็นได้จากล่าสุดโตโยต้า ญี่ปุ่นก็ประกาศลดการผลิตลงทั่วโลก 40% ในเดือน ก.ย. หรือกว่า 3 แสนคัน ทำให้โตโยต้าในไทยจะโดนไปด้วย ก็กำลังเจรจากับบริษัทแม่อยู่ถึงความชัดเจน ซึ่งแม้จะมีนโยบายเตรียมพร้อมรับมือแต่การใช้ทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างมาก ดังนั้นจากนี้ไปจนถึงสิ้นปีอาจจะมีหลายค่ายรถยนต์จะมีกำลังการผลิตที่ลดลงเพราะผลกระทบดังกล่าว

“โรงงานผลิตชิปไม่มีปัญหาจากผลกระทบโควิด-19 เพราะใช้เครื่องจักรอัตโนมัติส่วนใหญ่ แต่มีปัญหาเรื่องระบบลอจิสติกส์ การส่งมอบ แต่ที่ขาดเหตุผลหลักจากความต้องการใช้เยอะมากทั้งอุปกรณ์ที่ทันสมัยมากขึ้นตั้งแต่สมาร์ทโฟน ระบบอินเทอร์เน็ตต่างๆ รถยนต์ ฯลฯ” นายศุภรัตน์กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น