ผู้จัดการรายวัน 360 - ล็อกดาวน์เปลี่ยนพฤติกรรมคนไทยหันทำอาหารรับประทานเองมากขึ้น NSC ชี้ไทยนำเข้าอาหารทะเลจากนอร์เวย์สูงขึ้น 21% เฉพาะแซลมอนนำเข้าแล้วเกือบ 1 หมื่นตัน ล่าสุดจับมือ เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล และธรรมชาติ ซีฟู้ด จัดแคมเปญ ‘Taste From Norway, to Your Home’ ลุยครึ่งปีหลัง
นายอัสบีเยิร์น วาร์วิค เรอร์ทเว็ท ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สภาอุตสาหกรรมอาหารทะเลนอร์เวย์ (NSC) เปิดเผยว่า ในช่วงล็อกดาวน์พบว่าพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป หันทำอาหารรับประทานเองที่บ้านมากขึ้น และมองหาวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ ส่งผลให้กลุ่มอาหารทะเลเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่เติบโตสูง ทั้งในช่องทางโมเดิร์นเทรดและออนไลน์ ซึ่งพบว่าตัวเลขการนำเข้าอาหารทะเลจากประเทศนอร์เวย์มายังประเทศไทยมีมูลค่าสูงขึ้นกว่า 21% นับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2564 ขณะที่มูลค่าการส่งออกอาหารทะเลนอร์เวย์ทั่วโลกขยายตัว 9%
ทั้งนี้ ตลอดปี 2564 ที่ผ่านมาพบว่าปลาแซลมอนจากนอร์เวย์สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในประเทศไทย ผู้บริโภคมีความต้องการและการบริโภคที่สูงขึ้นจนถึงเดือนกรกฎาคม โดยมีการนำเข้าแซลมอนจากนอร์เวย์แล้วกว่าหนึ่งหมื่นตัน ซึ่งกว่า 93% เป็นแซลมอนสด นับเป็นปริมาณที่เพิ่มขึ้น 43% และมูลค่าที่เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2563 และเมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งเป็นปีก่อนหน้าที่ตลาดทั่วโลกจะได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ปริมาณการนำเข้าแซลมอนเพิ่มขึ้นกว่า 26%
ส่วนนอร์วีเจียนซาบะ หรือแมคเคอเรล ถือว่ามีแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจในช่วงหกปีที่ผ่านมา และกำลังจะเข้าสู่ช่วงเวลาจับปลาที่เหมาะสมในประเทศนอร์เวย์ ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณการนำเข้าที่เพิ่มมากขึ้นในปลายปีนี้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม จากผลสำรวจเทรนด์ด้านอาหารทะเลของผู้บริโภคในปี 2564 โดยสภาอุตสาหกรรมอาหารทะเลนอร์เวย์เผยข้อมูลที่น่าสนใจ ดังนี้ 1. ยอดขายอาหารทะเลบนช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคอายุ 20-34 ปี 20% กล่าวว่าพวกเขาซื้ออาหารทะเลออนไลน์ “บ่อย/บ่อยมาก”
2. ผู้บริโภคคนไทยคุ้นเคยกับการซื้ออาหารทะเลออนไลน์ กว่า 28% ซื้ออาหารทะเลออนไลน์ “บ่อย/บ่อยมาก” เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 2 รองจากประเทศจีน และตามด้วยเกาหลีใต้ สิงคโปร์ และฮ่องกง
3. เทรนด์ของการซื้ออาหารออนไลน์เริ่มมีมากขึ้นในกลุ่มผู้บริโภคที่อายุมากขึ้น เป็นโอกาสอันดีสำหรับอุตสาหกรรมอาหารทะเลในการเพิ่มช่องทางการขายใหม่ๆ เพื่อดึงดูดผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ ในอนาคต
4. ความสะดวกสบายเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหาร เพราะผู้คนต้องอยู่บ้านเป็นหลัก 79% ของผู้ตอบแบบสอบถามให้ความสำคัญว่าสินค้าอาหารทะเลที่ซื้อไปนั้นต้องเตรียมง่าย อีกหนึ่งโอกาสของอุตสาหกรรมอาหารทะเลที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าไม่ใช่แค่ซูชิหรือซาชิมิ แต่เป็นผลิตภัณฑ์ปลาปรุงรส พร้อมประกอบอาหาร หรือพร้อมกิน เป็นต้น
5. สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีส่งผลต่อการเลือกสรรอาหารของผู้บริโภค คนส่วนใหญ่มองว่าอาหารทะเลเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพและเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญ เช่นเดียวกับความมั่นใจในความปลอดภัยของอาหารต่อการปนเปื้อนเชื้อไวรัสโควิด-19
นายอัสบีเยิร์นกล่าวต่อว่า ในช่วงครึ่งหลังปี 2564 นี้ ทาง NSC ได้ร่วมมือกับเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล และ ธรรมชาติ ซีฟู้ด ในการเปิดตัวแคมเปญ ‘Taste From Norway, to Your Home’ ตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2564 ถึง 10 กันยายน 2564 เพื่อกระตุ้นการรับรู้เกี่ยวกับเครื่องหมาย SEAFOOD FROM NORWAY ซึ่งเป็นสัญลักษณ์รับรองที่มาและคุณภาพของอาหารทะเลนอร์เวย์ เมื่อลูกค้าซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลจากนอร์เวย์ตั้งแต่ 399 บาทขึ้นไปต่อหนึ่งใบเสร็จ สามารถนำมาแลก ผ้าอเนกประสงค์ (มูลค่า 99 บาท) หรือแลกกระเป๋าเก็บความเย็น (มูลค่า 250 บาท) ได้ทันทีเมื่อซื้อสินค้าตั้งแต่ 600 บาทขึ้นไป ที่ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ทุกสาขาทั่วประเทศ เว็บไซต์และแอปพลิเคชัน Tops Online และช่องทางควิกคอมเมิร์ซอย่างแกร็บมาร์ท
เอ็มมานูเอล คูรง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัลรีเทล กล่าวว่า “สำหรับเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเราคือความปลอดภัย และความเป็นอยู่ที่ดีของลูกค้า พนักงาน และชุมชน ด้วยสถานการณ์ล็อกดาวน์ในประเทศไทย เรามุ่งให้ความสำคัญต่อประสบการณ์การชอปปิ้งที่ปลอดภัย รวดเร็ว และสะดวกสบาย จากออฟไลน์สู่ออนไลน์ และออนไลน์สู่ออฟไลน์ ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะซื้อของด้วยปริมาณในตระกร้าที่เพิ่มขึ้น แต่ใช้เวลาน้อยลงในการซื้อหน้าร้าน ขณะเดียวกันก็สั่งสินค้าในหมวดหมู่สินค้าอุปโภคและอาหารสดทางออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายอาหารทะเลนอร์เวย์เพิ่มขึ้น โดยความร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมอาหารทะเลนอร์เวย์ในครั้งนี้มีขึ้นเพื่อโปรโมตอาหารทะเลจากนอร์เวย์ และตราสัญลักษณ์ SEAFOOD FROM NORWAY ผ่านแคมเปญใหญ่ทั่วประเทศ ต่อยอดจากความต้องการด้านอาหารสด และอาหารพร้อมรับประทานของผู้บริโภค และยังเป็นโอกาสให้เราแสดงถึงพันธกิจหลักในฐานะผู้นำค้าปลีกด้านอาหารอันดับหนึ่งของประเทศไทย ในการจัดสรรผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพสูงสำหรับลูกค้า บนช่องทางที่หลากหลาย ทั้งหน้าร้าน ออนไลน์ และผ่านพันธมิตรควิกคอมเมิร์ซอย่างแกร็บมาร์ท (GrabMart)”
นางศันสนีย์ แกทเทนบี้ เดวี่ส์ กรรมการบริหารฝ่ายการตลาด ธรรมชาติ ซีฟู้ด รีเทล กล่าวว่า “ตลอดช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทาง ธรรมชาติ ซีฟู้ด ได้จัดแคมเปญและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อาหารใหม่ๆ ออกสู่ตลาดเพื่อก้าวนำเทรนด์ผู้บริโภคอยู่เสมอ เราให้ความสำคัญต่อสุขภาพและความสะดวกสบายของผู้บริโภค โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่สามารถใช้กับหม้ออบลมร้อน; เบคอนแซลมอนแบบไขมันน้อยสำหรับผู้ใส่ใจสุขภาพ; สินค้าอาหารทะเลตามโอกาสสำคัญ เช่น วันแม่; อาหารทะเลในแพกเกจที่ใช้ฟิล์มพลาสติกชุบความร้อนแบบสุญญากาศ; สินค้า Cook In The Bag; และอาหารทะเลแบบกินเล่น ซึ่งผู้บริโภคจะสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเหล่านี้ได้ที่เคาน์เตอร์อาหารทะเลของ ธรรมชาติ ซีฟู้ด ที่เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ทั่วประเทศ และบนช่องทางออนไลน์ ภายใต้แคมเปญ ‘Taste From Norway, to Your Home’”
สภาอุตสาหกรรมอาหารทะเลนอร์เวย์ยังได้จับมือกับพันธมิตรร้านอาหารอีก 10 ร้าน เพื่อนำเข้าอาหารทะเลคุณภาพสูงจากประเทศนอร์เวย์ ผ่านบริการส่งอาหารออนไลน์แกร็บฟู้ด ตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม ถึง 9 กันยายน 2564 นี้