“พาณิชย์”เผย “ข้าวโพด” ราคาพุ่ง ล่าสุดขยับขึ้นกิโลกรัมละ 8.72 บาท เกินกว่าที่ประกันรายได้ที่ 8.50 บาทแล้ว ช่วยเกษตรกรได้ประโยชน์มีรายได้เพิ่มจากราคาตลาดปัจจุบัน รัฐไม่ต้องจ่ายชดเชย ช่วยประหยัดงบประมาณในภาวะขณะนี้
นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคาล่าสุดที่คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ได้พิจารณาและเห็นชอบการกำหนดราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2563/64 งวดที่ 9 ประจำวันที่ 20 ก.ค.2564 เพื่อใช้ในการชดเชยส่วนต่างตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สำหรับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กับกรมส่งเสริมการเกษตร โดยมีวันเพาะปลูกตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2563 และระบุวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.-19 ก.ค.2564 ความชื้นไม่เกิน 14.5% กิโลกรัมละ 8.72 บาท
“ราคาที่สูงขึ้นดังกล่าว ดีเกินเป้าหมายการประกันรายได้ของรัฐบาลที่กิโลกรัมละ 8.50 บาท งวดนี้เกษตรกรจึงได้ประโยชน์จากราคาตลาดปัจจุบันที่สูงขึ้น และรัฐบาลไม่ต้องใช้งบประมาณเพื่อจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างให้แก่เกษตรกรในงวดนี้ ทำประหยัดงบประมาณได้ในภาวะขณะนี้ ซึ่งถือเป็นผลสำเร็จจากการบริหารจัดการทางด้านนโยบาย “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ภายใต้ยุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต” ที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ขับเคลื่อน”
ทั้งนี้ โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2563/64 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบให้ดำเนินโครงการเมื่อวันที่ 18 ส.ค.2563 ในกรอบวงเงิน 1,912 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือด้านรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยจะจ่ายเดือนละครั้งทุกวันที่ 20 จนสิ้นสุดโครงการ โดยมีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดทั้งประเทศ 4.5 แสนครัวเรือน ปลูกมากที่สุด คือ จังหวัดเพชรบูรณ์ รองลงมา คือ จังหวัดตาก เชียงราย และกระจายอยู่ 17 จังหวัดภาคเหนือ กับหลายจังหวัดในภาคอีสานและมีภูมิภาคอื่นด้วยเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดนายจุรินทร์เตรียมสรุปโครงการการประกันรายได้ช่วยเหลือเกษตรกรพืชหลัก 5 ชนิด คือ ข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่ช่วยเหลือเกษตรกรร่วม 8 ล้านครัวเรือน และมีแผนที่จะเดินหน้าโครงการประกันรายได้ปี 3 ต่อไป