xs
xsm
sm
md
lg

กรมเชื้อเพลิงฯ ยังคาดหวัง “ปตท.สผ.อีดี"ตกลงเชฟรอนเข้าพื้นที่เอราวัณผลิตก๊าซฯ ได้ต่อเนื่อง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติยอมรับการเจรจาระหว่างผู้ชนะประมูลแหล่งก๊าซเอราวัณรายใหม่คือ ปตท.สผ.อีดีกับเชฟรอน ผู้รับสัมปทานรายเดิมมีการเจรจาแล้วกว่า 30 ครั้งแต่ยังไม่บรรลุข้อตกลงบางประเด็นทำให้การเข้าพื้นที่อาจล่าช้า ขณะที่สัมปทานจะหมดอายุ เม.ย. 65 โดยหวังว่าสองฝ่ายจะร่วมมือกันอย่างจริงใจเพื่อให้เข้าพื้นที่ผลิตก๊าซฯ ได้ต่อเนื่อง

นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน
เปิดเผยถึงกรณีความห่วงกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการเข้าพื้นที่เพื่อเตรียมการผลิตของบริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (ปตท.สผ.อีดี) ผู้ชนะประมูลในแปลง G1/61 (แหล่งกลุ่มเอราวัณ) เนื่องจากยังเจรจาหาข้อยุติไม่ได้กับบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ผู้รับสัมปทานรายเดิมว่า ที่ผ่านมากรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในประเทศ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ไม่ได้นิ่งนอนใจเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว และได้เร่งประสานการเจรจาระหว่างสองบริษัทที่ได้หารือร่วมกันไม่น้อยกว่า 30 ครั้ง และยังคงเดินหน้าที่จะประสานให้ได้ข้อตกลงร่วมกันเพื่อให้การผลิตก๊าซธรรมชาติเป็นไปอย่างต่อเนื่อง

“ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมากรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้ประสานให้บริษัท ปตท.สผ. อีดี ผู้ดำเนินงานรายใหม่ ในแปลง G1/61 ภายใต้ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต และ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ผู้รับสัมปทานรายเดิม มาหารือร่วมกันไม่น้อยกว่า 30 ครั้ง ทั้งในระดับผู้บริหารองค์กร และในระดับปฏิบัติการ เพื่อให้การดำเนินงานในช่วงเปลี่ยนผ่าน (Transition Period) เป็นไปอย่างราบรื่น โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก ซึ่งผลที่ได้ถือว่าดำเนินงานสำเร็จไปพอสมควร สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ในหลายๆ ประเด็น เช่น การเข้าพื้นที่เพื่อเก็บตัวอย่าง การศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม การสำรวจพื้นที่เบื้องต้นเพื่อติดตั้งแท่นหลุมผลิต เป็นต้น” นายสราวุธกล่าว

อย่างไรก็ตาม ด้วยความซับซ้อนในการดำเนินงานช่วงเปลี่ยนผ่านจึงยังมีอีกหลายประเด็นที่ยังต้องหาข้อตกลงที่เหมาะสมร่วมกันให้ได้ โดยกุญแจสำคัญที่จะทำให้ความพยายามในการประสานการเจรจาของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติประสบความสำเร็จนั้น ก็คือทั้งผู้ดำเนินงานรายปัจจุบันและรายใหม่จะต้องร่วมมือกันอย่างจริงใจและเร่งด่วนให้ได้ข้อตกลงร่วมกันเพื่อให้การผลิตก๊าซธรรมชาติเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์ต่อสาธารณะ เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ และความเป็นอยู่ของประชาชน

ทั้งนี้ บริษัท ปตท.สผ. อีดี เป็นผู้ชนะการประมูลและจะเป็นผู้ดำเนินงานรายใหม่ในแหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณหลังจากสัมปทานของ บริษัทเชฟรอนฯ หมดอายุลงในเดือนเมษายน พ.ศ. 2565 ซึ่งตามเงื่อนไขการประมูลนั้น บริษัท ปตท.สผ. อีดี จะต้องผลิตก๊าซธรรมชาติให้ได้ในอัตรา 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน แต่ด้วยความล่าช้าในการเข้าพื้นที่ อาจทำให้ไม่สามารถผลิตปิโตรเลียมได้อย่างต่อเนื่อง


กำลังโหลดความคิดเห็น