จูลี่ส์ บิสกิต ประกาศเปิดตัวภาพลักษณ์ใหม่ในประเทศไทย หลังจากประสบความสำเร็จในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ โดยทุ่มเงินกว่า 50 ล้านบาทเปลี่ยน “โลโก้” และ “บรรจุภัณฑ์” พร้อมปรับกลยุทธ์รุก “ดิจิทัล” เน้นการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่
Tzy Horng Sai ผู้อำนวยการแบรนด์ จูลี่ส์ กล่าวว่า การรีแบรนด์จูลี่ส์ในประเทศไทย เรามีการออกแบบรูปลักษณ์ และปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ใหม่ที่มีความสดใสและสีสันสวยงามกว่าเดิม รวมถึงการเลือกใช้สีมาเป็นลูกเล่นในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ โดยแบ่งเป็นสีต่างๆ ตามรสชาติ เพื่อความสะดวกให้ลูกค้าและผู้บริโภคในการเลือกซื้อและสามารถพกพาขนมบิสกิตของเราไปรับประทานได้ทุกที่ทุกเวลา นอกจากนี้เราได้ปรับบรรจุภัณฑ์ให้มีขนาดซองที่เล็กลง ลดขนาดบรรจุภัณฑ์ให้มีความพอดีกับขนาดของสินค้าภายใน บรรจุภัณฑ์ของเรายังมีการพัฒนาคุณภาพให้เป็นบรรจุภัณฑ์ที่ลดคาร์บอนฟุตพรินต์และเปลี่ยนการใช้ถาดพลาสติกมาเป็นการใช้ถาดกระดาษเพื่อเป็นการลดพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง
ปี 2564 แบรนด์จูลี่ส์ บิสกิต มีอายุครบ 35 ปี จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่เราจะแนะนำรูปลักษณ์ใหม่ของจูลี่ส์ สำหรับลูกค้าในประเทศไทย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ประสบความสำเร็จกับการเปลี่ยนโฉมใหม่ในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์มาแล้ว โดยนำ “โลโก้” มาปรับเปลี่ยนใหม่ให้เข้ากับโลกยุคดิจิทัล ปรับรูปร่าง สีสัน และฟอนต์ใหม่ให้ทันสมัยมากขึ้น พร้อมเปลี่ยนคาแรกเตอร์จากเด็กผู้หญิงที่มีลักษณะเรียบร้อย ขี้อาย ให้เป็นเด็กผู้หญิงที่มีความมุ่งมั่น ร่าเริงสดใสขึ้น เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังและพลังบวก
คุณสถาปน์ มุกดีพร้อม รองผู้อำนวยการบริษัท นิวเวฟเอเชีย จำกัด กล่าวว่า จูลี่ส์ บิสกิต เป็นแบรนด์ขนมจากประเทศมาเลเซียที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2527 ในยุคนั้นแบรนด์จูลี่ส์เป็นขนมที่ได้รับความนิยมจากทางใต้ โดยคนส่วนใหญ่มักจะซื้อเป็นของฝาก ซึ่งรสชาติที่นิยมกันมากคือ รสเนยถั่ว
ทั้งนี้ ทางบริษัทได้เล็งเห็นว่าแบรนด์จูลี่ส์ยังมีโอกาสเติบโตในประเทศไทย จึงได้ติดต่อไปยังบริษัทแม่ คือ จูลี่ส์ แมนูแฟคเจอริ่ง และนำสินค้าแบรนด์จูลี่ส์เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยในปี 2554 จากนั้น สินค้าก็เริ่มเป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภคมาโดยตลอด โดยเฉพาะกลุ่มพ่อแม่ที่ซื้อไว้เป็นของว่างสำหรับเด็กๆ หรือพกติดกระเป๋าไปรับประทานเล่นที่โรงเรียน อิ่มอร่อยและได้ประโยชน์ด้วย
ด้านแผนการตลาดในประเทศไทย เราเน้นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ รวมถึงขยายช่องทางการขาย เช่น ร้านค้าปลีก ซูเปอร์มาร์เกต หรือร้านค้ารายย่อยมากขึ้น โดยทุ่มงบกว่า 50 ล้านบาทในการรีแบรนด์ สร้างการรับรู้และกิจกรรมตลอดทั้งปี โดยครอบคลุมทั้งสื่อสังคมออนไลน์ การประชาสัมพันธ์บนรถไฟฟ้า จุดขายตามหน้าร้านและซูเปอร์มาร์เกตต่างๆ
อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทำให้แบรนด์จูลี่ส์ต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ โดยมุ่งเน้นไปที่การสื่อสารกับลูกค้าทางออนไลน์มากขึ้น มีการทำคอนเทนต์ผ่านโซเชียลมีเดีย อย่างเช่น การเล่นเกม แจกของรางวัล หรือร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ในการนำเสนอสินค้าให้เข้าถึงตลอดเวลา เพื่อทำการสื่อสารและบอกเล่าเรื่องราวของ จูลี่ส์ เด็กผู้หญิงที่มีความสดใส สนุกสนาน ร่าเริง สู่คนยุคใหม่ที่นิยมใช้งานออนไลน์ รวมถึงสร้างโอกาสในการขายและซื้อสินค้าให้กับแบรนด์จูลี่ส์มากขึ้น และคาดว่าจะมีโอกาสเติบโตในช่องทางออนไลน์ได้จาก 1% มาเป็น 20%
นอกจากนี้ เราวางแผนจะนำจูลี่ส์เข้าสู่โมเดิร์นเทรดเพื่อการกระจายสินค้าของเราให้เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น สะดวกขึ้น และเพิ่มโอกาสขายได้ดีขึ้น ปัจจุบันจูลี่ส์กระจายครอบคลุม 70-80% ทั่วประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มคนต่างจังหวัดที่มีจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“ที่ผ่านมาเราทำการตลาดให้ผู้บริโภคเดินมาหาเรา แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน เราในฐานะคนทำธุรกิจก็ต้องมองหาลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ สร้างโอกาสให้กับแบรนด์ ต้องเดินเข้าไปหาผู้บริโภคมากขึ้น เอาใจตลาดมากขึ้น เพื่อให้แบรนด์จูลี่ส์ยังคงครองใจและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าไปทุกยุคทุกสมัย” คุณสถาปน์กล่าวสรุป