xs
xsm
sm
md
lg

ผลสำรวจ CEO ส.อ.ท.ตอกย้ำเปิดประเทศใน 120 วัน ต้องเร่งฉีดวัคซีนให้ได้ 70%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ส.อ.ท.เปิดผลสำรวจความเห็น CEO ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตฯ และ 75 สภาฯ จังหวัดถึงการเตรียมพร้อมเปิดประเทศใน 120 วัน พบ 93% ควรเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม 70% ของประชากรทั้งประเทศ โดยรูปแบบการเปิดประเทศที่เหมาะสมส่วนใหญ่ให้ทยอยเปิดเป็นบางพื้นที่ตามความพร้อมของจังหวัด โดยการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติควรพิจารณาจากความพร้อมและสถานการณ์ในการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เป็นสำคัญ

นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 7 ในเดือนมิถุนายน 2564 ภายใต้หัวข้อ “120 วัน เตรียมความพร้อมเปิดประเทศ” ว่า จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 201 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 75 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด พบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท.ส่วนใหญ่มองว่าการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติควรเปิดเมื่อสถานการณ์มีความพร้อม โดยที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้ และมีจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงอย่างมีนัยสำคัญ คิดเป็น 56.7% รองลงมา เห็นด้วยกับเป้าหมายในการเปิดประเทศภายใน 120 วัน คิดเป็น 31.3% และมองว่ายังไม่ควรเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในระยะ 3-4 เดือนนี้ คิดเป็น 9.5% ส่วนความเห็นที่ต้องการให้เร่งเปิดประเทศให้เร็วกว่าเป้าหมายมีเพียง 2.5%

ปัจจัยสำคัญที่ภาครัฐจะต้องเตรียมความพร้อมก่อนการเปิดประเทศ พบว่า 3 อันดับแรก ผู้บริหาร ส.อ.ท.ให้ความสำคัญต่อการจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพ จำนวนเพียงพอ และการเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม 70% ของประชากรทั้งประเทศเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ คิดเป็น 93% รองลงมา เป็นการกำหนดแผนงานที่ชัดเจน มีระบบการประเมินสถานการณ์ และการสื่อสารที่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง คิดเป็น 74.6% และการเตรียมการในส่วนของมาตรการคัดกรองนักท่องเที่ยว เช่น วัคซีนพาสปอร์ต, Vaccine certificate, Health insurance, ใบรับรองแพทย์ Fit To Fly เป็นต้น คิดเป็น 72.6% โดยรูปแบบการเปิดประเทศที่ผู้บริหาร ส.อ.ท.มองว่าเหมาะสมนั้น ได้แก่ การทยอยเปิดเป็นบางพื้นที่ตามความพร้อมของจังหวัด คิดเป็น 59.2% รองลงมา การเปิดเฉพาะแหล่งท่องเที่ยว (Sealed Routes) เช่น Phuket Sandbox 34.8% และลำดับสุดท้ายเป็นการเปิดพร้อมกันทั่วประเทศ 6%


สำหรับมาตรการกำกับดูแลที่ภาครัฐควรดำเนินการหลังเปิดประเทศนั้น พบว่า 3 อันดับแรก ได้แก่ การประเมินศักยภาพพื้นที่รองรับนักท่องเที่ยว การจำกัดพื้นที่เปิดรับนักท่องเที่ยว และการเดินทางข้ามจังหวัด คิดเป็น 74.1% รองลงมา การพัฒนาระบบติดตามการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 72.1% และการบริหารงานแบบ One Stop Service รวมถึงการจัดตั้งศูนย์ประสานงานเพื่ออำนวยความสะดวกดูแลนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ 67.2%

นอกจากนี้ FTI Poll ยังถามไปถึงกรณีที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ หลังจากการเปิดประเทศ ภาครัฐควรเตรียมแผนสำรองในการรับมือไว้อย่างไร พบว่า 3 อันดับแรก ได้แก่ การเตรียมความพร้อมของศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉิน สถานที่กักตัวทางเลือก และโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศ 83.1% รองลงมา การนำเข้าวัคซีนที่รองรับเชื้อกลายพันธุ์ และเร่งพัฒนาวัคซีนที่ผลิตได้เองภายในประเทศ 71.6% และการบังคับใช้มาตรการควบคุมโรค เช่น ห้ามกิจกรรมที่มีความเสี่ยง มาตรการ lockdown ในบางพื้นที่ การจำกัดพื้นที่ท่องเที่ยว และการห้ามเดินทางข้ามจังหวัด คิดเป็น 65.7%

ทั้งนี้ FTI Poll ยังได้เจาะลึกถึงประเด็นความร่วมมือของภาคเอกชนในการสนับสนุนการเปิดประเทศตามเป้าหมายของภาครัฐ พบว่า 3 อันดับแรก ได้แก่ การสนับสนุนวัคซีนทางเลือกให้แก่แรงงานในสถานประกอบการ 81.1% รองลงมา การควบคุมดูแลพนักงานในสถานประกอบการอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ 80.6% และการพัฒนาสินค้าโดยให้ความสำคัญด้านสุขอนามัยเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค รวมถึงการทำมาตรฐานด้านสุขอนามัย เช่น IPHA คิดเป็น 51.2%

นอกจากนี้ ผู้บริหาร ส.อ.ท.ยังได้คาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจไทยภายหลังการเปิดประเทศ โดยส่วนใหญ่ มองว่าเศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป คิดเป็น 81.6% รองลงมาชะลอตัวต่อเนื่องจากแรงกดดันจากผลกระทบของโควิด-19 และภาวะเศรษฐกิจโลก คิดเป็น 14.4% และสุดท้ายคาดว่าจะฟื้นตัวกลับเข้าสู่ภาวะปกติก่อนโควิด-19 คิดเป็น 4%


กำลังโหลดความคิดเห็น