ส.อ.ท.-สภาหอฯหนุนเปิดประเทศรับโอกาสใหม่ให้ศก.ย้ำเร่งฉีดวัคซีนสกัดเปิดรับโรค

ส.อ.ท.- สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยประสานเสียงหนุนนโยบายเปิดประเทศใน 120 วัน ลุ้นรัฐบาลเร่งฉีดวัคซีนให้มากสุดเพราะเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเปิดประเทศมั่นใจทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันทำให้เกิดขึ้นได้ ชี้ปล่อยไว้มาตรการเฟส 4-5 ต้องมางบประมาณรัฐเองก็จำกัด มองนี่คือโอกาสที่ดีสุดหวัง ท่องเที่ยวจะฟื้นศก.และการลงทุนกลับมาคึกคักสร้างเม็ดเงินใหม่ให้กับประเทศ

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยในงานสัมมนาEMPOWERING THAILAND 2021 เคลื่อนอนาคตไทยด้วยการลงทุนจัดโดยหนังสือพิมพ์มติชน ว่า การเปิดประเทศตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นเรื่องจำเป็น เพราะเวลานี้ประเทศไทยมีหนี้ครัวเรือนประมาณ 90% คนไทยเข้ารวมโครงการคนละครึ่งประมาณ 30 ล้านคน และคนไทยถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) ประมาณ 13-14 ล้านใบ คิดเป็นประชากรประมาณ 20% ผลกระทบไวรัสโควิด-19รอบใหม่ทำให้ทุกฝ่ายลำบากมากขึ้นดังนั้น การเปิดประเทศจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

“ หากไม่เปิดประเทศ รัฐบาลคงต้องเดินหน้ามาตรการเฟส 4 เฟส 5 และอีกจำนวนมาก ขณะที่งบประมาณประเทศก็มีจำกัด อย่างไรก็ตามปริมาณผู้ติดเชื้อแม้ปัจจุบันจะอยู่ระดับ 3,000-4,000 คน แต่เชื่อหลังจากนี้จะปริมาณผู้ติดเชื้อจะลดลงแน่นอนหากมีการเร่งฉีดวัคซีนซึ่งยอมรับว่าผู้ที่ฉีดยังไม่มาก อยู่ที่ 7 ล้านโดส จากเป้าหมายการฉีดกว่า 100 ล้านโดสในปีนี้ จึงเป็นโจทย์ที่ต้องดำเนินการให้ได้เพราะเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนให้การเปิดประเทศสำเร็จ”นายสุพันธุ์กล่าว

ปัจจุบันไทยมีวัคซีนหลัก และวัคซีนทางเลือก ซึ่ง ส.อ.ท.ได้ประสานจนได้ยี่ห้อซิโนฟาร์มมาฉีดให้สมาชิก อยากให้คนไทยมั่นใจ ร่วมมือกัน เตรียมตัว เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดังนั้นการเปิดประเทศที่จะนำร่อง จ.ภูเก็ต วันที่ 1 กรกฎาคมนี้ อยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันเพราะไทยไม่ได้เปิดประเทศรับโรคแต่เปิดรับเศรษฐกิจเข้ามา ปัจจุบัน จ.ภูเก็ต ฉีดวัคซีนแล้ว 60% หากเปิดเมืองจะเหมือนกับมัลดีฟส์ที่ฉีด 60% เช่นกัน ดังนั้น ต้องอยู่ที่การบริหารจัดการของรัฐบาล และต้องไม่ประมาท โดยหากเศรษฐกิจดีก็จะทำให้ภาพการลงทุนต่างๆ ทยอยกลับมาซึ่งจากการที่กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ รองรับเชื่อว่าจะช่วยดึงดูดการลงทุนมากขึ้น

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ตัดสินใจถูกต้องและมีควาชัดเจนในการเปิดประเทศใน 120 วัน โดยพิจารณาจำนวนวัคซีนที่อยู่ในมือรัฐบาลอย่างน้อย ฉีดเข็มแรกให้กับประชาชน ได้ถึง 50 ล้านคน ส่วนนี้คือเงื่อนไขแรกของการเปิดประเทศ เงื่อนไขที่สองคือ ความมั่นใจว่าภาคสาธาณณะสุข บุคคลากรทางการแพทย์นั้น คงต้องทำงาน ในการวางมาตรการควบคุมสภานการณ์โควิดและให้ความร่วมมือกับ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะความเชื่อมั่นไม่ได้อยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ แต่มันเป็นหน้าที่และภารกิของคนในชาติทุกคน ดังนั้นสิ่งที่ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ คือวัคซีน ที่รัฐบาลจะต้องหามาให้ได้ภายในปีนี้ ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านโดส ในการเตรียมพร้อมเปิดประเทศ

“เอกชนมีความหวัง ถ้าเรายังจะพึ่งการเยียวยาอย่างเดียว ผมคิดว่าโอกาสที่จะสร้างรายได้ใหม่ๆ มันจะไม่เกิด แผน 120 วันเปิดประเทศ ทางหอการค้าทั่วประเทศได้ประชุมและกำลังจะประชุมร่วมกับหอการค้าต่างประเทศ ในการเตรียมหารือว่าภารกิจในการเตรียมความพร้อมเปิดอย่างไร และการท่องเที่ยวก็เป็นพระเอกของการฟื้นเศรษฐกิจ พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจากต่างประเทศ ส่วนนี้จะเป็นเงินใหม่ที่เข้ามาภายในประเทศ คาดว่าเดือนตุลาคม – ธันวาคม มีเม็ดเงินจากส่วนนี้เข้ามา อย่างน้อย 50,000 -100,000 ล้านบาท จากในช่วง 1 เดือนมีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามาอย่างน้อย 1 ล้านคนในแต่ละเดือน ใช้จ่าย 50,000 บาทต่อคน”นายสนั่นกล่าว

ทั้งนี้หอการค้ามีโครงการ ฮักไทย เตรียมความพร้อมจัดโปรโมชั่นร่วมกับทางจังหวัดรองรับการเปิดประเทศ ทำหนังสือเรียนเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานเปิดงาน ที่ภูเก็ต ในวันที่ 1 กรกฎาคม นี้ ซึ่งจะเป็นการพิสูจน์ให้คนทั่งโลก ในการสร้างความมั่นใจ และเป็นการทดสอบระบบการเปิดประเทศของไทยที่ดี ผมจึงยินดีและมั่นใจในแผนเปิดประเทศ 120 วัน เพราะขณะนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติพร้อมแล้วประเทศไหนเปิดก่อน ที่ไหนมีความปลอดภัย ก็จะได้เปรียบ มีแต่คนรุมที่จะเดินทางไป อาทิ มัลดีฟส์ รวมทั้งขณะนี้ พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวมีการเปลี่ยนแปลง ไม่จำเป็นต้องเที่ยวในวันหยุด เพราะทุกวันเป็นวันที่ไปเที่ยวได้และสามารถทำงานได้ทุกที่ และไปได้ทุกเวลา ประเทศไทยยังมีจังหวัดที่ยังไม่ได้เปิด (อันซีน) เชื่อว่าเอกชนและภาครัฐจะต้องสนับสนุนการท่องเที่ยวที่มากกว่าเดิม ทำให้นักท่องเที่ยว นักธุรกิจ หรือนักลงทุน มาอยู่นานๆ ส่วนคนกลุ่มมาก็มาอยู่นาน ดังนั้น แต่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวและบริการ มีความตื่นตัวกับการเปลี่ยนแปลงนี้ เชื่อว่าถ้าร่วมกันสนับสนุนการท่องเที่ยวในลักษณะนี้ จะเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ของประเทศไทย