“สนพ.” คาดการณ์ราคาน้ำมันปาล์มดิบตลาดโลกจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกต่อเนื่อง หลังความต้องการของตลาดโลกทั้งจีน และสหรัฐอเมริกาสูงขึ้นทำให้โรงสกัดมีโอกาสส่งออก พร้อมเร่งทบทวนหลักเกณฑ์การกำหนดราคาเชื้อเพลิงชีวภาพใหม่ให้สะท้อนต้นทุนจริงและเป็นธรรมต่อทุกภาคส่วน หวังให้ราคาถูกลงและเกษตรกรได้ประโยชน์
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพว่า ขณะนี้ราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลกอยู่ที่ประมาณ 32.80 บาทต่อกิโลกรัมและมีแนวโน้มจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอีก เนื่องจากประเทศจีน และสหรัฐอเมริกามีความต้องการซื้อน้ำมันปาล์มฯ ในจำนวนมาก ดังนั้นแนวโน้มดังกล่าวจะส่งผลให้โรงสกัดส่งน้ำมันปาล์มดิบออกไปขายที่ต่างประเทศมากขึ้นซึ่งจะสะท้อนให้ราคาขายในประเทศปรับตัวสูงขึ้นตาม
สำหรับราคาน้ำมันไบโอดีเซลอ้างอิงเฉลี่ยของไทยระหว่างวันที่ 14-20 มิ.ย. 64 อยู่ที่ 38.18 บาทต่อลิตร ลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว 1.20 บาทต่อลิตร จากสัปดาห์ก่อน จากสถานการณ์ราคาผลปาล์มน้ำมันระหว่างวันที่ 7-13 มิถุนายน 2564 เฉลี่ยอยู่ที่ 5.70-7.00 บาทต่อกิโลกรัม ราคาน้ำมันปาล์มดิบอยู่ที่ 34.50-35.75 บาทต่อกิโลกรัม เป็นช่วงที่มีผลผลิตในตลาดตามฤดูกาล ส่วนราคาเอทานอลอ้างอิงในเดือนมิถุนายนอยู่ที่ 25.84 บาทต่อลิตร โดยราคาเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.01 บาทต่อลิตร โดยปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ ณ สิ้นเดือนเมษายน 2564 ประมาณ 194,121 ตัน ส่วนสต๊อกน้ำมัน ไบโอดีเซล (B100) ณ สิ้นเดือนเมษายน 2564 เท่ากับ 73.79 ล้านลิตร
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานมีนโยบายสนับสนุนผลผลิตทางการเกษตร เช่น ปาล์มน้ำมันมาผลิตเป็นไบโอดีเซล อ้อยและมันสำปะหลังมาผลิตเป็นเอทานอลเพื่อทดแทนการใช้น้ำมันเบนซิน ทำให้ปัจจุบันไทยมีน้ำมันเชื้อเพลิงหลากหลายชนิดขึ้น เช่น น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B7, B10 และ B20 และแก๊สโซฮอล์ 91 และ 95, แก๊สโซฮอล์ E20, แก๊สโซฮอล์ E85 เป็นต้น นอกจากจะช่วยลดการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศแล้ว ยังช่วยรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตรและสร้างรายได้ให้เกษตรกร และทำให้เกิดผลดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันราคาอ้างอิงในการคำนวณโครงสร้างราคา ณ โรงกลั่นของน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพ (ไบโอดีเซลและเอทานอล) รวมไปถึงสถานการณ์การผลิต เทคโนโลยีเชื้อเพลิงชีวภาพมีการเปลี่ยนแปลงไป สนพ. จึงอยู่ระหว่างทบทวนหลักเกณฑ์การกำหนดราคาเชื้อเพลิงชีวภาพ เพื่อให้ราคาเชื้อเพลิงชีวภาพสะท้อนกับสถานการณ์ปัจจุบันและเป็นธรรมต่อทุกภาคส่วน ทำให้ประชาชนได้ใช้น้ำมันในราคาถูกลง รวมไปถึงการสร้างรายได้ให้เกษตรกร และสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานรากได้อีกด้วย