การตลาด - โควิด-19 รอบ 3 ยังระบาดหนัก 2 แอปพลิเคชันฟูดดีลิเวอรีเปิดศึกต่ออีก อัดแคมเปญพิเศษทั้งไรเดอร์และพันธมิตรร้านอาหารขยายตลาดและสร้างแบรนด์ พร้อมมาตรการคุมโควิดอย่างเข้มข้น พบใครเสี่ยงหรือติดเชื้อตัดสัญญาณรับออเดอร์ทันที แถมให้ค่าชดเชยด้วย เร่งขยายคลาวด์คิตเชนเสริมทัพ
สถานการณ์ของแอปพลเคชันฟูดดีลิเวอรีแข่งขันกันรุนแรงอยู่แล้วจากผู้ประกอบการรายใหญ่ไม่กี่ราย ซึ่งแน่นอนว่าในจำนวนนี้ย่อมต้องมีบิ๊กแบรนด์ 2 รายอย่าง แกร็บฟู้ด กับ ไลน์แมน ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงที่โควิด-19 ระบาดหนักในรอบ 3 นี้ยิ่งทำให้พี่ใหญ่สองรายต่างก็มีการงัดกลยุทธ์ทุกรูปแบบเข้ามาห้ำหั่นกันเพื่อช่วงชิงตลาด รวมไปถึงการสร้างแบรนด์และซีเอสอาร์ผ่านทางไรเดอร์ผู้ขับขี่ดีลิเวอรีอีกด้วย
*** อัดแคมเปญให้ร้านค้า-ไรเดอร์
นายอเลฮานโดร โอโซริโอ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอก 3 ที่เรากำลังเผชิญหน้าอยู่ในขณะนี้ได้ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนมากกว่าครั้งที่ผ่านมา ทั้งนี้ แกร็บได้ติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมปรับแผนการดำเนินงาน ทั้งธุรกิจบริการการเดินทาง (เรียกรถผ่านแอปฯ) ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการที่ประชาชนงดออกจากบ้าน และธุรกิจดีลิเวอรีเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการได้อย่างเต็มที่ และยังคงสนับสนุนให้ทุกฝ่ายในวงจรธุรกิจของแกร็บยังคงเดินหน้าต่อไปได้
แกร็บยังได้ประกาศ 3 มาตรการเร่งด่วนเพื่อสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือ 3 กลุ่มเป้าหมายหลัก นั่นคือ พาร์ตเนอร์ร้านอาหาร โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็ก พาร์ตเนอร์คนขับและผู้จัดส่งอาหาร รวมทั้งเจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์ สำหรับ 3 มาตรการเร่งด่วนที่แกร็บจะดำเนินการ คือ
1. ส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อยผ่านแคมเปญ “อุดหนุนร้านค้าคนไทย” ด้วยการโปรโมตพาร์ตเนอร์ร้านอาหารขนาดเล็กทั่วประเทศในรูปแบบต่างๆ เช่น การโฆษณาผ่านแบนเนอร์ การสร้างไอคอนพิเศษ “Support Local Restaurant” บนแอปพลิเคชันแกร็บ รวมถึงประชาสัมพันธ์ร้านค้าผ่านสื่อโซเชียลต่างๆ เพื่อเพิ่มอัตราการมองเห็น รวมทั้งมอบส่วนลดค่าส่ง 15 บาท เมื่อสั่งอาหารขั้นต่ำผ่านแกร็บฟู้ด 150 บาท โดยใช้โค้ดส่วนลด “SUPPORT” รวมทั้งสิ้น 2 ล้านสิทธิ ตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2564 และเตรียมปรับลดค่าคอมมิชชันให้พาร์ตเนอร์ร้านอาหารเหลือ 0% สำหรับการสั่งอาหารแบบ “รับอาหารที่หน้าร้านด้วยตนเอง” (Self Pick-up) เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม ถึง 1 สิงหาคม 2564
2. สนับสนุนพาร์ตเนอร์คนขับ-ผู้จัดส่งอาหารให้สามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยเปิดให้พาร์ตเนอร์คนขับที่ให้บริการการเดินทาง (เช่น แกร็บแท็กซี่ หรือแกร็บคาร์) สามารถรับงานจัดส่งอาหารด้วยรถยนต์ได้ เพื่อสร้างรายได้เสริมเพื่อชดเชยรายได้ที่หายไปจากการรับ-ส่งผู้โดยสารในประเทศและนักท่องเที่ยวต่างชาติ พร้อมกันนี้ แกร็บยังสนับสนุนค่าตรวจโรคโควิด-19 ให้พาร์ตเนอร์คนขับ-ผู้จัดส่งอาหารมูลค่า 500 บาท พร้อมมอบเงินชดเชยรายได้สูงสุด 9,500 บาท หากตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19
3. ส่งกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ โดยมอบส่วนลด 20 บาทเมื่อสั่งอาหารผ่านแกร็บขั้นต่ำ 150 บาท จำนวน 300,000 สิทธิ ตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม จนถึง 30 มิถุนายน 2564 ให้แก่แพทย์ พยาบาลและบุคลากรของโรงพยาบาลรัฐจำนวน 5 แห่ง เช่น โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
“มาตรการเหล่านี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการแกร็บแคร์ (GrabCares) #เราจะผ่านมันไปด้วยกัน ซึ่งแกร็บทำมาตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงต้นปี 2563 ที่ให้ความช่วยเหลือกับกลุ่มต่างๆ ในวงจรธุรกิจของแกร็บ และเน้นรักษามาตรฐานด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยอย่างเข้มงวด โดยมุ่งส่งเสริมให้พาร์ตเนอร์คนขับ-ผู้จัดส่งอาหารและสินค้า รวมถึงพาร์ตเนอร์ร้านอาหาร ปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัยต่างๆ ตามแนวทางหรือข้อกำหนดของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข อย่างเคร่งครัด เช่น การใช้มาตรการจัดส่งอาหารแบบไร้สัมผัส การลดความเสี่ยงจากการใช้เงินสดด้วยการส่งเสริมให้ผู้ใช้งานชำระค่าบริการผ่านอีวอลเล็ตหรือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ การนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัย เช่น ระบบคัดกรองด้านสุขภาพและสุขอนามัยของพาร์ตเนอร์คนขับผ่านแอปพลิเคชัน รวมถึงการผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจต่างๆ เพื่อให้การสนับสนุนพาร์ตเนอร์คนขับของเรา เป็นต้น” นายอเลฮานโดรกล่าว
ขณะที่แอปฯ ฟูดดีลิเวอรีคู่แข่งอีกรายอย่าง ไลน์แมน ก็เดินหน้าเช่นกัน ท่ามกลางการระบาดโควิดระลอกใหม่นี้
รายงานข่าวจากไลน์แมนวงใน ระบุว่า LINE MAN ได้ช่วยเหลือร้านอาหารในพื้นที่ควบคุมที่ไม่มีหน้าร้านดีลิเวอรีออนไลน์ ให้ขายอาหารดีลิเวอรีบน LINE MAN ได้ทันที โดยเลือกรูปแบบได้ตามความเหมาะสม ได้แก่ Non-GP Model ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย หรือ GP Model เสียค่าธรรมเนียม GP โดยจะได้ค่าส่งเริ่มต้น 0 บาทและสิทธิประโยชน์อื่นๆ เพื่อรับมือหลังประกาศงดนั่งรับประทานอาหารที่ร้าน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา
การระบาดระลอกที่ 3 ของโควิด-19 ส่งผลกระทบในวงกว้างทั่วประเทศ โดยเฉพาะผู้ประกอบการร้านอาหารในพื้นที่ควบคุมที่ไม่สามารถเปิดให้ลูกค้านั่งรับประทานอาหารในร้านได้ โดยสามารถซื้อกลับบ้านได้ถึง 3 ทุ่มเท่านั้น ลูกค้าจึงจำเป็นต้องใช้บริการสั่งอาหารดีลิเวอรีมากขึ้น โดย LINE MAN ได้เตรียมความพร้อมทั้งเรื่องจำนวนผู้ส่งอาหารให้เพียงพอ และช่วยร้านอาหารที่ยังไม่เคยเข้าระบบดีลิเวอรีมาก่อน ให้สามารถสมัครเข้ามาขายผ่านดีลิเวอรีด้วยตัวเองได้ทันทีใน 2 ตัวเลือก ได้แก่
1. Non-GP Model สมัครขายดีลิเวอรีได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย โดยจะคิดค่าส่งตามระยะ
ทางจริง
2. GP Model สมัครขายดีลิเวอรีโดยเสียค่าธรรมเนียม GP ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น ค่าส่งเริ่มต้น 0 บาท โปรโมตร้านบนแอปฯ LINE MAN หรือรับเงินผ่าน E-Payment
โดยร้านอาหารสามารถเลือกรูปแบบการดีลิเวอรีที่เหมาะสมกับร้านได้ แล้วสมัครได้เลยทันทีผ่านแอปพลิเคชัน Wongnai Merchant App บนโทรศัพท์มือถือ ทั้งบน iOS และ Android
*** คุมเข้มไรเดอร์ด้วยมาตรการโควิด
ในแง่ของการคุมเข้มเรื่องมาตรการป้องกันโควิดก็ไม่อาจละเลยได้เช่นกัน ซึ่งทั้งสองค่ายก็มีความชัดเจนในเรื่องนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค
โดย แกร็บ ประเทศไทย ระบุว่า บริษัทฯ ได้มีมาตรการดูแลด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยของพาร์ตเนอร์คนขับ-ผู้จัดส่งอาหารและพัสดุอย่างต่อเนื่อง และร่วมมือกับภาครัฐแจ้งข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19
ทั้งนี้ หากบริษัทฯ ได้รับแจ้งจากหน่วยงานภาครัฐ หรือเมื่อได้รับการติดต่อจากพาร์ตเนอร์คนขับว่าตนเองติดเชื้อโควิด-19 หรือเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง บริษัทฯ จะทำการระงับสัญญาณทันที และจะร่วมมือกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ในการตรวจสอบข้อมูลการเดินทางย้อนหลัง รวมถึงผู้ใช้บริการทุกคนที่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับพาร์ตเนอร์คนขับทั้งหมดในช่วงเวลาดังกล่าว บริษัทฯ จะทำการเปิดระบบกลับมาอีกครั้ง หากได้รับเอกสารยืนยันผลการตรวจเป็นลบเป็นที่เรียบร้อย
นอกจากนี้ พาร์ตเนอร์ยังสามารถแจ้งความประสงค์เพื่อรับเงินชดเชย ซึ่งครอบคลุมถึงค่าตรวจโรคโควิด-19 มูลค่า 500 บาท เงินชดเชยรายได้ 2,000 บาทในกรณีที่ตรวจพบว่าติดเชื้อ และเงินชดเชยรายวัน 500 บาทต่อวัน สูงสุดไม่เกิน 15 วัน ต่อการเข้าพักรักษาตัวในฐานะผู้ป่วยในที่มีสาเหตุจากการติดโรคโควิด-19
ทั้งนี้ แกร็บ ประเทศไทย ยังคงให้ความสำคัญต่อมาตรการด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยอย่างต่อเนื่อง ทั้งในบริการการเดินทาง และบริการรับ-ส่งอาหารและพัสดุ ภายใต้โครงการ “แกร็บแคร์” (GrabCares) ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 2563
1. การแนะนำให้พาร์ตเนอร์คนขับปฏิบัติตามแนวทางหรือข้อกำหนดของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ทั้งการตรวจวัดอุณหภูมิ การสวมหน้ากากอนามัย การล้างมืออย่างสม่ำเสมอ การหมั่นทำความสะอาดยานพาหนะ รวมถึงการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล
2. การใช้มาตรการจัดส่งอาหารแบบไร้สัมผัส (Contactless Delivery) โดยให้พาร์ตเนอร์คนขับเว้นระยะห่างกับลูกค้าอย่างน้อย 2 เมตรตลอดเวลา รวมถึงการรอรับอาหารที่ร้านจะต้องยืนห่างกันไม่น้อยกว่า 1 เมตร ขณะต่อคิวที่ร้านอาหาร
3. การส่งเสริมให้ผู้ใช้งานชำระค่าบริการผ่านบัตรหรือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (GrabPay หรือ GrabPay Wallet) โดยได้มีการร่วมมือกับพันธมิตรธนาคารในการส่งเสริมการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อลดการสัมผัสเงินสดในช่วงการแพร่ระบาด
4. การใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัย เช่น การใช้ระบบคัดกรองด้านสุขภาพและสุขอนามัยผ่านแอปพลิเคชัน โดยพาร์ตเนอร์คนขับทุกคนจะต้องทำแบบประเมินเพื่อยืนยันว่าไม่มีอาการป่วยจากโรคโควิด-19 และจะต้องถ่ายภาพเซลฟีของตนเองขณะสวมใส่หน้ากาก พร้อมอัปโหลดภาพผ่านระบบเพื่อยืนยันตัวตนก่อนให้บริการในทุกวัน
ส่วน LINE MAN ออกมาตรการและแนวทางปฏิบัติด้านความปลอดภัยของผู้ส่งอาหาร เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า ร้านค้า และผู้ส่งอาหารทั่วประเทศ ดังนี้
1. กำชับมาตรฐานความปลอดภัยของผู้ส่งอาหาร ตั้งแต่การสวมหน้ากาก ถุงมือ ตลอดระยะเวลาการปฏิบัติงาน ดังที่ปฏิบัติมาตลอดตั้งแต่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย และให้ผู้ส่งอาหารรายงานสถานะสุขภาพทุกครั้งก่อนเริ่มทำงาน
2. แจกหน้ากาก เจลแอลกอฮอล์ และสบู่ล้างมือสำหรับผู้ส่งอาหาร
3. เปิดให้ผู้ส่งอาหารสามารถกดยกเลิกงานได้ (ภายในจำนวนโควตาที่กำหนด) หากเห็นว่าเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อโควิด-19 เน้นย้ำให้ผู้ส่งอาหารนัดจุดรับ-ส่งอาหารกับลูกค้า เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง
4. สนับสนุนเงินช่วยเหลือสำหรับผู้ส่งอาหารที่ตรวจพบเชื้อโควิด-19 หรือสงสัยว่าเสี่ยงจะเป็นโรคโควิด-19 และต้องกักตัวตามระยะเวลาที่กำหนด
5. ผู้ส่งอาหารที่มีความกังวลเรื่องสุขภาพ สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการได้ตลอดเวลา โดย LINE MAN จะเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่บริการในช่วงล็อกดาวน์ ให้สามารถรองรับปริมาณการส่งอาหารที่เพิ่มขึ้น
6. ส่งเสริมให้ลูกค้าจ่ายเงินผ่านระบบออนไลน์แทนการใช้เงินสด เพื่อให้ทุกคนมีความสบายใจว่าการสั่งอาหารมาส่งที่บ้านยังมีความปลอดภัยเต็มที่
**** เร่งผุดคลาวด์คิตเชนเสริมทัพ
กลยุทธ์การเปิดคลาวด์คิตเชนของตัวเองทั้ง ไลน์แมน และ แกร็บ ก็มีการแข่งขันสูงเช่นกัน ทั้งการเปิดเองกับการผนึกกับพันธมิตร
นายอเลฮานโดร โอโซริโอ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า การเปิด GrabKitchen จะเป็นการเปิดโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการและพาร์ตเนอร์ร้านค้าเพิ่มศักยภาพธุรกิจผ่านบริการรับ-ส่งอาหารได้อย่างเต็มที่ผ่านการช่วยขยายสาขาไปยังพื้นที่ใหม่ เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้ารายใหม่ได้รวดเร็วยิ่งขึ้นในต้นทุนที่ต่ำ
ล่าสุดเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา แกร็บได้ร่วมมือกับซีอาร์จีด้วยการนำเอาจุดแข็งของทั้งสองหน่วยงานในการสร้างการเติบโตให้แก่ผู้ประกอบการฯ โดยแกร็บมีจุดแข็งด้านข้อมูล (Data) มาวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภคที่ช่วยให้พาร์ตเนอร์ร้านค้าบน GrabKitchen สามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกและสนับสนุนเหล่าพาร์ตเนอร์ให้อยู่เหนือความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง ส่วนซีอาร์จีมีจุดแข็งตรงที่ประสบการณ์การบริหารธุรกิจร้านอาหารมาอย่างยาวนาน เพื่อช่วยกลุ่มพาร์ตเนอร์ในการจัดการร้านอาหารได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการเสริมจุดแข็งให้แก่การขยายธุรกิจ GrabKitchen ต่อไป
นายณัฐ วงศ์พานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (CRG) กล่าวว่า การร่วมมือกันระหว่าง แกร็บฟู้ด กับ ซีอาร์จี เพื่อเปิดคลาวด์คิตเชน “GrabKitchen by Every Foood” จะช่วยธุรกิจร้านอาหารที่ต้องการขยายสาขาแต่ต้องการใช้เงินลงทุนที่ไม่สูงมากนัก เพิ่มการกระจายตัวของร้านอาหารหลากหลายประเภทไปตามย่านต่างๆ ทั้งใจกลางเมือง แหล่งชุมชน ออฟฟิศฯลฯ รวมไปถึงลูกค้าจะได้รับความสะดวกในการสั่งอาหารจากร้านอาหารชื่อดังหลากหลายประเภท หลายร้านค้า ได้ในออเดอร์เดียว คลาวด์คิตเชนจึงสามารถตอบโจทย์ทั้งของร้านอาหารและของลูกค้าในทุกแง่มุมได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันมี 5 สาขา ได้แก่ ทองหล่อ ลาดพร้าว ปิ่นเกล้า สาทร และนาคนิวาส ยังมีแผนขยายสาขาไปยังต่างจังหวัดตามหัวเมืองหลักๆ ภายในไตรมาสที่ 2 ปี 2564
“GrabKitchen by Every Foood” รวบรวมร้านอาหารชื่อดัง และเมนูอร่อยๆ จากหลายร้านได้ในออเดอร์เดียว และส่งฟรี 3 กม.แรก เมื่อใส่โค้ด “FREE” สามารถใช้ได้ทั้งแบรนด์ในเครือ CRG และร้านอาหารที่คัดสรรโดยแกร็บ เช่น เจ้หมวยข้าวผัดปูราชพฤกษ์, คั่วไก่ดาวทอง, The Volcano (เดอะ โวลคาโน่), Smoked สตรีทฟู้ด, รสเตี๋ยว, Salad Factory, อร่อยดี, เอลวิสสุกี้, อองตองข้าวซอย, เฮงหอยทอดชาวเล, Shinkan zen, โจ๊กสามย่าน, 9 กุ้งอบ ปูอบ, ข้าวขาหมูตรอกซุง บางรัก, Dean and Deluca เป็นต้น
ไลน์แมนเองก็มองเรื่องคลาวด์คิตเชน เป็นหัวใจสำคัญในการขยายตลาดดีลิเวอรีด้วย ล่าสุด LINE MAN Wongnai ร่วมมือกับ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดตัว LINE MAN Kitchen @ PTT Station ขึ้นเป็นแห่งแรกในประเทศไทยที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท.สาขามัยลาภ
สำหรับ PTT STATION มีแนวคิดในการพัฒนาให้พื้นที่ของสถานีบริการหรือปั๊มน้ำมันมีสินค้าและบริการที่หลากหลาย การร่วมกับ LINE MAN Wongnai เปิดให้บริการ LINE MAN Kitchen @ PTT Station สำหรับ LINE MAN Kitchen เกษตร-นวมินทร์ @ PTT Station แห่งนี้มีร้านอาหารชื่อดังรวม 10 ร้าน ได้แก่ Pacamara, NOBRAND, Ekkamai Macchiato, Hinoya Sushi Express Bomberdog, Zaap Classic Under 360, ราชาคอหมูย่าง โจ๊กสามย่าน ดิ เอ็มไพร์ และฮั่วเซ่งฮงติ่มซำ และยังสั่งเครื่องดื่มจากร้าน Café Amazon ใน PTT Station สาขามัยลาภ ในออเดอร์เดียวกันได้อีกด้วย
โดย LINE MAN Kitchen สาขาเกษตร-นวมินทร์ ยึดพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเมื่อรวมกับสองสาขาที่เปิดให้บริการก่อนหน้านี้ในย่านปุณณวิถีและปทุมวัน ทำให้ LINE MAN Kitchen สามารถให้บริการครอบคลุมพื้นที่ในจุดยุทธศาสตร์ของกรุงเทพฯ ที่มีอัตราเติบโตในด้านการใช้งานฟูดดีลิเวอรี่โดย LINE MAN Wongnai มีแผนระยะยาวในการเพิ่มจำนวนร้านอาหารและสาขาของ LINE MAN Kitchen ร่วมกับพันธมิตรสำคัญอย่าง OR ในอนาคต โดยตั้งเป้าเพิ่มยอดสั่งจากย่านเกษตร-นวมินทร์ ประมาณ 2 เท่า