xs
xsm
sm
md
lg

“กนอ.” ลั่นพร้อมดึง 2 กองทุนฯ อุ้มกลุ่มประมงเดินหน้าถมทะเลรับมาบตาพุดเฟส 3

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“วีริศ” ผู้ว่าการ กนอ.ย้ำชัดการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด เฟส 3 เป็นไปตามมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมเดินหน้าช่วยเหลือกลุ่มประมงหลังยื่นหนังสือร้องเรียนหวั่นได้รับผลกระทบ ดึง 2 กองทุน หลักประกันความเสียหายฉุกเฉิน และพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนช่วยเหลือชุมชนในทุกด้าน

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)
เปิดเผยว่า จากกรณีเมื่อ 29 เมษายนที่ผ่านมามีกลุ่มเรือประมงพื้นบ้าน อ.เมือง จ.ระยอง จำนวนกว่า 400 ลำ เข้ายื่นหนังสือถึงภาครัฐให้ทราบถึงความเดือดร้อนจากโครงการถมทะเลชายฝั่งสำหรับโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด เฟส 3 โดย กนอ.ในฐานะหน่วยหลักในการดำเนินงานได้ยืนยันว่าขั้นตอนการดำเนินงานจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ รวมถึงมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด และระหว่างการก่อสร้างโครงการฯ ได้จัดให้มีมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งส่งเสริมด้านอาชีพ การศึกษา การอนุรักษ์ธรรมชาติ เป็นต้น

“การมายื่นหนังสือของชาวประมงเมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา ชัดเจนว่าทางกลุ่มฯ ที่มายื่นไม่ได้มีเป้าประสงค์ในการขัดขวางหรือประท้วงไม่ให้มีการถมทะเล เพียงต้องการให้ภาครัฐหันมาพิจารณาดูแลชาวประมงพื้นบ้านระยองที่อาจได้รับผลกระทบในการประกอบอาชีพ ชาวประมงที่เข้ามายื่นหนังสือต้องการให้รัฐเข้ามาช่วยเหลือแบบเดียวกับที่ทางท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ดำเนินการ แต่ภายใต้สถานการณ์ที่แตกต่าง เราจะต้องพิจารณาหามาตรการที่เหมาะสมต่อไป” นายวีริศกล่าว

ทั้งนี้ กนอ.ได้จัดตั้งคณะกรรมการกำกับการติดตามตรวจสอบและการปฏิบัติตามมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม (คณะกรรมการไตรภาคี) ซึ่งมีผู้แทนจากหน่วยงานราชการ สถาบันวิชาการ รวมถึงชุมชนเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการฯ พร้อมกันนี้ ได้จัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ซึ่งแบ่งเป็น 2 กองทุน คือ 1) กองทุนหลักประกันความเสียหายฉุกเฉิน เพื่อเป็นเงินสำรองจ่ายในการเยียวยาความเสียหายโดยเร็ว โดยผู้ที่ได้รับผลกระทบยื่นเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการกองทุน ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน และให้คณะกรรมการประชุมก่อนกำหนดเพื่อพิจารณาความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด 2) กองทุนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนโดยรอบและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การบรรเทาความเสียหายเบื้องต้นจากผลกระทบที่มีสาเหตุมาจากโครงการ โดยที่การดำเนินงานของทั้งสองกองทุนเป็นไปตามข้อกำหนดของรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการกิจการ หรือการดำเนินการที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิต ของประชาชนในชุมชนอย่างรุนแรง (Environmental Health Impact Assessment : EHIA)

สำหรับโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด เฟส 3 บริษัท กัลฟ์ เอ็มทีพี แอลเอ็นจี เทอร์มินัล จำกัด ได้เข้าร่วมทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติและวัตถุดิบเหลวสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง มีเนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ โดยท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดเป็นท่าเรืออุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีความสามารถในการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติ และสินค้าเหลวในปริมาณ 16 ล้านตันต่อปี ปัจจุบันมีผู้ประกอบการจำนวน 12 ราย เป็นผู้ให้บริการท่าเทียบเรือเฉพาะกิจ จำนวน 9 ราย และผู้ให้บริการท่าเทียบเรือสาธารณะ จำนวน 3 ราย โดยปัจจุบันมีการใช้งานใกล้เต็มศักยภาพแล้ว จึงมีความจำเป็นต้องขยายท่าเรือเพื่อรองรับการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมและความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น