ส.อ.ท.ออกแถลงการณ์แจงกรณีเข้าพบนายกฯ ยืนยันไม่ได้มีการปิดกั้นการนำเข้าวัคซีนโควิด-19 ของเอกชนหากแต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด พร้อมเดินหน้านำเข้าแล้วตามแผนเดิมเพื่อเร่งฉีดให้พนักงานป้องกันติดเชื้อในโรงงานและการผลิตตอกย้ำเชื่อมั่นให้ประเทศคู่ค้า
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท.ยังคงมีนโยบายจัดหาและนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข้ามาตามแผนเดิมให้แก่บริษัทเอกชนที่ยื่นความจำนงว่าต้องการวัคซีนเพื่อนำไปฉีดให้แก่พนักงานของตนเอง เพราะต้องการให้การฉีดวัคซีนกระจายไปสู่ประชาชนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดขึ้นโดยเร็วซึ่งจะมีส่วนสำคัญต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลเองยืนยันในการเปิดกว้างแต่จะต้องเข้าเกณฑ์และเงื่อนไขตามที่รัฐกำหนดไว้
“ส.อ.ท.ได้ประสานไปยังบริษัทผู้ผลิตวัคซีนหลายแห่ง และก็มีอีกหลายรายได้ติดต่อมาที่เกี่ยวกับการนำเข้าวัคซีน ไม่ว่าจะเป็น โมเดอร์นา สปุตนิก ซิโนแวค ซึ่งทั้งหมดยินดีที่จะขายวัคซีนให้แก่ภาคเอกชน ซึ่งเราก็จะเดินหน้าต่อไป เราได้ผลักดันมาตั้งแต่ต้นแล้ว มันถอยไม่ได้ และกลุ่มบริษัทที่เป็นสมาชิกก็พร้อมซื้อวัคซีนเพื่อไปฉีดให้พนักงานของตัวเอง ซึ่งบริษัทต่างๆ เหล่านั้นต่างคาดหวังกันว่าวัคซีนจะเป็นตัวช่วยในเรื่องการป้องกันการติดเชื้อภายในโรงงานและกระบวนการผลิต อีกทั้งยังตอกย้ำความเชื่อมั่นให้ประเทศคู่ค้าอีกด้วย” นายสุพันธุ์กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (29 เม.ย.) ส.อ.ท.ได้ออกหนังสือชี้แจงอย่างเป็นทางการว่า จากการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 เม.ย. 64 นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณภาคเอกชนที่ร่วมแสดงเจตจำนงในการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม โดยทางรัฐบาลจะเร่งจัดหาวัคซีนให้ครบ 100 ล้านโดสเพื่อให้เพียงพอต่อคนไทย และในเดือน พ.ค.จะมีวัคซีนเพิ่มเข้ามาอีกอย่างแน่นอน ซึ่งรัฐบาลย้ำว่าได้เปิดกว้างให้ภาคเอกชนนำเข้าวัคซีนมาได้ภายใต้กฎเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณะสุข
พร้อมระบุว่า ตั้งแต่เกิดวิกฤตระบาดโควิด-19 สภาอุตสาหกรรมฯ ได้เข้าช่วยเหลือทั้งภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมมาโดยตลอด และได้ริเริ่มให้มีการสำรวจความต้องการวัคซีนในภาคเอกชนเพื่อเป็นทางเลือก จากการที่รัฐเปิดโอกาสให้เอกชนนำเข้าวัคซีน ทางสภาอุตสาหกรรรมฯ จะทำหน้าที่ประสานกับภาคเอกชนที่จะนำเข้าวัคซีน รวมทั้งสมาคม โรงพยาบาลเอกชน