การผนึกกำลัง 2 ผู้นำเทคโนโลยีฟินเทค Velo Labs และ Interstellar เพิ่มความคล่องตัวทางการเงินยุคใหม่ เพื่อตลาด SME ไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Velo Labs เข้าควบรวมธุรกิจของบริษัทเทคโนโลยีที่ดีที่สุดจากที่ถือกำเนิดในเมืองซานฟรานซิสโก Interstellar เพื่อสร้างเส้นทางที่รวดเร็ว และประหยัดขึ้นของระบบการโอนชำระเงินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บนระบบบล็อกเชน Stellar
Velo Labs และ Interstellar ได้ประกาศการร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 มีนาคม 2564 Velo Labs ซึ่งเป็นสายเลือดเอเชีย โดยตั้งอยู่ที่เอเชียตะวันออกเฉียงและบริษัท Interstellar ถือกำเนิดเปิดตัวในเมืองซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ภายใต้การนำทีมโดย ไมค์ เคนเนดี้ และการสนับสนุนจากบริษัทพันธมิตรที่ดีอย่าง Lightnet Group
การสานสัมพันธ์ทางภาคธุรกิจของทั้งสองบริษัทนั้น ระหว่าง Interstellar และ Velo Labs เริ่มต้นมาตั้งแต่เดือนมกราคมในปี 2563 เพื่อร่วมมือกันในการปฏิวัติระบบการชำระเงินข้ามประเทศผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน Stellar ซึ่งเป็นระบบบล็อกเชนตัวท็อปๆ ของโลก จากจุดนี้ทำให้ความสัมพันธ์แข็งแกร่งมากขึ้น จนทำให้เกิดการควบรวมธุรกิจของสององค์กรเข้าด้วยกัน ด้วยความรู้และความเชี่ยวชาญในบล็อกเชน Stellar ของ Interstellar บวกกับความแข็งแกร่งของพันธมิตรทางธุรกิจที่เป็นบริษัทชั้นนำที่มีอยู่ทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงทำให้เป็นการผนึกกำลังกันระหว่างสองสุดยอดองค์กรที่จะช่วยสร้างระบบการโอนและชำระเงินที่โปร่งใส ปลอดภัย รวดเร็วและลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมากซึ่งไม่เพียงแค่ในเอเชียแต่ตั้งเป้าจะครอบคลุมถึงตลาดโลกเลยทีเดียว
ช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมา จากการได้รับการสนับสนุนอย่างดีและต่อเนื่องจาก Interstellar ทำให้ Velo บรรลุเป้าหมายตามแผนการที่บริษัทวางไว้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในแผนการนี้รวมไปถึงการสร้างเหรียญ Velo บนเครือข่ายของ Stellar เหรียญ Velo ได้เข้าสู่ตลาดซื้อขายหลัก (KUCoin, VCC, OKEx และ MXC) ซึ่งผู้ใช้งานชาวไทยสามารถที่ผู้ใช้งานประเทศไทยสามารถติดตามซื้อได้ที่แพลตฟอร์มบิทาซซ่า และอีกสกุลเงินดิจิทัลที่อยู่บนเครือข่าย Stellar ก็คือ Stellar Lumen XLM โดยเป็นสกุลเงินที่อยู่ในวงการมานาน และเป็นหนึ่งในเหรียญที่มีมูลค่าการซื้อขาย (market cap) ที่อยู่ในระดับต้นๆ ของโลก การพัฒนาของ Velo Protocol กับระบบการทำงานหลักต่างๆ อาทิเช่น ระบบการสร้างเครดิตดิจิทัล ระบบการจองดิจิทัล ระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงในการเข้าถึงข้อมูลบนแพลตฟอร์มดิจิทัล (Hermes Warp Protocol) และได้มีการเปิดการทำธุรกรรมครั้งแรกสำเร็จใน Federated Credit Exchange network ในเดือนธันวาคมปี 2563 ที่ผ่านมากับ SEBA Bank ที่เป็น Licensed Digital Bank แห่งแรกๆ ของสวิสเซอร์แลนด์ เพราะฉะนั้น การร่วมทุนเป็นหนึ่งเดียวกันในครั้งนี้จะทำให้เป้าหมายของการทำงานในปี 2564 ของ Velo มีโอกาสสมบูรณ์ได้อย่างแน่นอน
นำทีมบริหารหลักโดย ชัชวาลย์ เจียรวนนท์ ทายาทและสมาชิกอาวุโสของเครือ CP Group ประธานของบริษัท Velo และรองประธานที่มากไปด้วยประสบการณ์ทางด้านการลงทุนและเทคโนโลยีอย่างคุณตฤบดี อรุณานนท์ชัยซึ่งเป็นเหมือนอีกหนึ่งการการันตีว่า โปรเจคนี้จะดำเนินไปจนบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างดีที่สุด
ไมค์ เคนเนดี้ ประธานบริษัท Velo Labs กล่าวว่า Interstellar มุ่งเน้นในการปฏิวัติระบบการชำระเงินบนเทคโนโลยี Stellar บล็อกเชน โดยเน้นที่ตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การควบรวมบริษัทของ Velo และ Interstellar เปรียบเหมือนการพัฒนาต่อยอดที่มองเห็นได้จากแผนการทำงานที่ผ่านมา ด้วยวิสัยทัศน์ที่มีร่วมกันในการพยายามขับเคลื่อนการนำระบบออกไปใช้งานให้ได้ทั่วทั้งภูมิภาค เราประสบความสำเร็จร่วมกันอย่างมาก และผมก็มีความภูมิใจที่จะได้นำทีมของเราให้เติบโตต่อไปตามแผนงานที่วางกันไว้
“เรามีความตื่นเต้นในการประกาศข่าวสำคัญของการร่วมทุนกันในครั้งนี้ ความตั้งใจของ Velo ตั้งแต่วันแรกนั้นคือ การนำบล็อกเชนมาใช้งานได้ในโลกแห่งความเป็นจริง พวกเราเชื่อว่านวัตกรรมนี้จะเป็นทางเชื่อมให้ผู้ใช้งานสามารถโอนสินทรัพย์ดิจิทัลจากที่ไหนก็ได้ สามปีที่ผ่านการได้ทำงานอย่างใกล้ชิดและสนันสนุนที่ดีจาก Interstellar เพื่อให้ Velo ได้บรรลุตามเป้าหมายที่วางแผนไว้ ทางเราจึงมีความยินดีเป็นอย่างมากที่จะมีทีม Interstellar เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งเสริมทัพให้กับ Velo ซึ่งจะยิ่งทำให้วงการบล็อกเชนพัฒนาและดีขึ้นไปอีกขั้น และความเป็นหนึ่งเดียวกันทำให้เป็นการขยายระบบนิเวศของ Velo และ Stellar เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว เราเชื่อว่า Velo Protocol จะช่วยเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินธุรกิจทั่วโลกไปอีกรูปแบบหนึ่ง” ชัชวาลย์ เจียรวนนท์ ประธานบริษัท Velo Labs กล่าว
ด้านตฤบดี อรุณานนท์ชัย รองประธานและผู้ร่วมก่อตั้ง Lightnet Group เผยว่า จากผลลัพธ์ในการทำงานในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้เราให้มองเห็นโอกาสในทางธุรกิจชัดเจนมากขึ้น เรามีการวางกลยุทธ์และแผนการในการหานวัตกรรมที่แตกต่างและไม่เคยมีมาก่อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับระบบการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนในภูมิภาคเอเชีย เพื่อเสริมโอกาสนี้ให้เป็นจริงและดีที่สุด นี่จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะนำจุดแข็งของทั้งสองบริษัทมารวมเป็นหนึ่งเดียวกัน และเราได้เห็นข้อพิสูจน์ในการทำงานและเป็นผู้นำของคุณไมค์และทีมงาน Velo เป็นอย่างดี ในการทำงานเชิงการสร้างกลยุทธ์ ทักษะความเชี่ยวชาญ ในด้านระบบการชำระเงิน เราจึงเชื่อว่าจะสามารถส่งมอบโซลูชั่นใหม่นี้ถึงลูกค้าและพันธมิตรของเราที่มีอยู่และจะขยายกลุ่มลูกค้าไปได้มากขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เราได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากพันธมิตรของเราทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น CP Group ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ลงทุนหลักของเรา รวมไปถึงพันธมิตรองค์กรรายใหญ่และรายย่อยมากกว่า 100 องค์กรทั่วโลก มากกว่าเรื่องของธุรกิจสิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือ นี่ถือเป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทยในการสร้างและพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนที่มีสายเลือดไทย Velo จะเป็นเบื้องหลังที่จะทำให้ธุรกรรมทางการเงินของทุกคนง่ายและสะดวกขึ้น” คุณตฤบดี กล่าวเพิ่ม
ขณะที่ เจด แมคเคเลบ ผู้ก่อตั้ง Interstellar และ เครือข่าย Stellar กล่าวว่า ครั้งนี้คือก้าวที่สำคัญของของระบบนิเวศของ Stellar ซึ่งมีศักยภาพที่จะช่วยผลักดันการเข้าสู่เครือข่ายได้มากขึ้น สร้างทางเดินแบบเปิด/ปิดในภูมิภาคเอเชียและโอกาสทางธุรกิจต่อสังคมผู้ใช้งานของทั้ง Velo และ Stellar ท้ายที่สุดแล้วการทำงานในครั้งนี้จะทำให้เราเข้าใกล้เห็นความชัดเจนของภาพที่มองไว้ในอนาคตมากขึ้น โดยการมี Stellar เป็นฐานกำลังในการเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินทั่วโลกเพื่อให้เกิดการเข้าถึงได้มากขึ้นและประหยัดทั้งเวลาและต้นทุนของผู้ใช้งาน
นอกจากนี้ การลงทุนของ Lightnet Group และโปรโตคอล Velo Labs กับบริษัทนายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัลสัญชาติไทยอย่างบิทาซซ่า ที่มีมูลค่าสูงถึง 6 ล้านเหรียญ ซึ่งเพิ่งมีการประกาศอย่างเป็นทางการไปเมื่อเร็วๆ นี้ ถือเป็นการสร้างให้เห็นความมุ่งมั่นและความพยายามอย่างต่อเนื่องในการเป็นส่วนหนึ่งของการสานฝันการเป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกสินทรัพย์เดิมกับอนาคตอย่างแท้จริง