การรถไฟฯ พร้อมรับเดินทางเทศกาลสงกรานต์ 9-15 เม.ย. 2564 เพิ่มขบวนรถพิเศษ 16 ขบวน และพ่วงตู้โดยสารจนเต็มหน่วยลากจูง รองรับได้ถึง 100,000 คนต่อวัน พร้อมจัดศูนย์ปลอดภัย ดูแลประชาชนตลอดการเดินทาง
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า การรถไฟฯ ได้จัดมาตรการอำนวยความสะดวกรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2564 ระหว่างวันที่ 9-15 เมษายน 2564 คาดว่าจะมีประชาชนใช้บริการรถไฟเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวจำนวนมาก หลังรัฐบาลได้มีการผ่อนปรนการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 รวมถึงได้ประกาศให้มีวันหยุดยาวตลอดเทศกาลตั้งแต่ 10-15 เมษายน รวม 6 วัน
ทั้งนี้ การรถไฟฯ ได้มีการพ่วงตู้โดยสารเพิ่มจนเต็มหน่วยลากจูงในขบวนรถที่วิ่งให้บริการปกติทุกสายทั่วประเทศ และมีการเพิ่มให้บริการขบวนรถพิเศษ ประเภทรถนอนปรับอากาศ และรถนั่งชั้น 3 ไป-กลับ อีก 16 ขบวน ในเส้นทางสายเหนือและสายตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 9-14 เมษายน 2564 (เที่ยวไป 8 ขบวน) และวันที่ 10 และ 15 เมษายน 2564 (เที่ยวกลับ 8 ขบวน) ซึ่งสามารถรองรับปริมาณการเดินทางได้สูงสุดถึง 100,000 คนต่อวัน
นายนิรุฒกล่าวว่า การรถไฟฯ ยังได้จัดมาตรการดูแลความปลอดภัยในการเดินทางเพิ่มเติม โดยจัดตั้งศูนย์ปลอดภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อทำหน้าที่ติดตามประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลการเดินทางของผู้โดยสาร การสั่งการแก้ไขเหตุอันตราย และรวบรวมสถิติข้อมูลการเดินทาง ขณะเดียวกันยังได้มีการเฝ้าระวังและตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ สารเสพติดของพนักงานขับรถ เจ้าหน้าที่ประจำขบวนรถ และประจำสถานีก่อนปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวด ตลอดจนการห้ามจำหน่ายและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสารเสพติดบนขบวนรถและบริเวณสถานีรถไฟ โดยมีการประสานขอความร่วมมือไปยังกองบังคับการตำรวจรถไฟ เพื่อเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจตราอีกทางหนึ่งด้วย
นอกจากนี้ การรถไฟฯ ยังคงมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งทางราง และกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยกำหนดจุดคัดกรองวัดไข้ผู้โดยสารก่อนเข้าในพื้นที่สถานี การตั้งจุดบริการแอลกอฮอล์ล้างมือ การให้สวมหน้ากาก การรักษาระยะห่าง Social Distancing ให้มีจุดยืน/นั่ง ให้ชัดเจนทั้งภายในสถานีและขบวนรถ โดยให้เว้นที่นั่งในลักษณะที่เว้นที่เพื่อไม่ให้ผู้โดยสารนั่งติดกัน ยกเว้นผู้โดยสารที่เดินทางมาด้วยกัน รวมทั้งยังให้มีการจำหน่ายตั๋วโดยสารไว้ที่ 50% ของจำนวนที่นั่งทั้งหมด พร้อมกับให้สแกนแอปพลิเคชันไทยชนะ ก่อนและหลังใช้บริการ แต่หากผู้โดยสารไม่สามารถใช้แอปพลิเคชันไทยชนะให้สามารถกรอกข้อมูลการเดินทางแทน