PTG เผยไตรมาส 1 นี้ ยอดขายน้ำมันโตตามเป้า 8-12% หลังภาวะตลาดฟื้นตัว มั่นใจทั้งปี 64 มี EBTDA โต 10-15% โดยเร่งขยายสาขาสถานีบริการน้ำมันและ LPG รวมทั้งรุกตลาด LPG ครัวเรือน ดันยอดขายแก๊สฯ ปีนี้โต 100% วางเป้าหมายธุรกิจนอนออยล์มีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้น 60% ใน 5 ปีข้างหน้า
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) เปิดเผยว่าในไตรมาส 1/2564 บริษัทฯ มีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 8-12% สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเฉลี่ยกว่า 500 ล้านลิตร เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันที่ฟื้นตัวขึ้น รวมทั้งฐานสมาชิกบัตร PT Max Card เพิ่มขึ้น โดยวางเป้าปีนี้จะเพิ่มเป็น 18 ล้านสมาชิก จากปีก่อน 14.8 ล้านสมาชิก
ดังนั้น ในปี 2564 บริษัทฯ วางเป้าหมายมีกำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) เติบโต 10-15% มาจากการเติบโตภาพรวมอุตสาหกรรมน้ำมันต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทตั้งเป้าเพิ่มปริมาณการจำหน่ายน้ำมันในปีนี้โต 8-12% จากปีก่อนอยู่ที่ 4,959 ล้านลิตร และปริมาณการจำหน่ายแก๊ส LPG ทั้งภาคยานยนต์และครัวเรือนโตขึ้น 100% มาอยู่ที่ 1.8 แสนตัน จากปีก่อนที่ 9.7 หมื่นตัน เป็นผลจากการขยายโรงบรรจุก๊าซฯ ในปีนี้เพิ่มเป็น 16 แห่งทั่วประเทศ ร้าน Gas Shop จากเดิม 99 สาขา เพิ่มในปีนี้อีก 50 สาขา รวมทั้งขยายสถานีบริการแก๊ส LPG เพิ่มอีก 50 สถานี
“บริษัทฯ มีแผนขยายสาขาทั้งธุรกิจน้ำมันและธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจน้ำมัน (นอนออยล์) ปีนี้รวมเป็น 3,160 สาขา เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีสาขารวมทั้งหมด 2,850 สาขา และสถานีบริการแก๊ส LPG เพิ่มขึ้นจาก 206 สาขา เป็น 260 สาขา รวมถึงขยายศูนย์บริการรวม (Touchpoint) ในธุรกิจนอนออยล์ เช่น ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่ ร้านกาแฟพันธุ์ไทย ร้านคอฟฟี่เวิลด์ ร้านสะดวกซื้อแมกซ์มาร์ท (Max Mart) และศูนย์บริการซ่อมบำรุงรักษารถยนต์ออโต้แบคส์ (Autobacs) และอื่นๆ รวมเป็น 870 สาขา จากเดิม 756 สาขา”
นายพิทักษ์กล่าวว่า บริษัทฯ ตั้งงบลงทุนในปีนี้กว่า 4,000-4,500 ล้านบาท แบ่งเป็น การขยายสถานีบริการน้ำมันและแก๊ส LPG ที่ 3,000-3,500 ล้านบาท, ธุรกิจนอนออยล์ 500 ล้านบาท ได้แก่ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และที่เหลืออีก 500 ล้านบาท จะเป็นการลงทุนธุรกิจใหม่ ได้แก่ โรงไฟฟ้าจากขยะ กำลังการผลิต 6 เมกะวัตต์ โดยรอความชัดเจนจากภาครัฐและอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตร คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในปีนี้ ธุรกิจติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปบนหลังคาปั๊มน้ำมันPT ที่ปัจจุบันติดตั้งไปแล้ว 30 แห่ง และจะขยายเพิ่มขึ้นในปีนี้
ส่วนโครงการปาล์ม คอมเพล็กซ์ เพื่อต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมด้านความงาม คาดว่าจะออกสินค้าดังกล่าวได้ราว 4 ผลิตภัณฑ์ใน 1-2 ปีนี้ รวมทั้งมีแผนขยายสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า (EV) คาดว่าจะติดตั้งจำนวน 300 แห่งภายใน 4 ปี (64-68) หลังจากบริษัทได้เซ็น MOU ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รวมทั้งสนใจโครงการโซลาร์ฟาร์มกองทัพบก โดยวางเป้าหมายไว้ที่ 30 เมกะวัตต์
นายพิทักษ์กล่าวต่อไปว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายจะมีสัดส่วนรายได้ธุรกิจนอนออยล์เพิ่มเป็น 60-70% ภายใน 5 ปี จากปัจจุบัน มีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 4% เนื่องจากเป็นธุรกิจที่สร้างกำไรสูงกว่าน้ำมัน ซึ่งเป็นผลจากลยุทธ์ผลักดันการเติบโตธุรกิจนอนออยล์ โดยตั้งเป้าจะเพิ่มสาขานอนออยล์อีก 100-150 สาขา เพื่อให้บริการที่หลากหลายและครอบคลุมทุกพื้นที่ เช่น ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่ ร้านกาแฟพันธุ์ไทย ซึ่งตั้งเป้า 5 ปีข้างหน้าจะมีทั้งหมด 2,000 สาขาทั้งในไทย และกลุ่ม CLMV
ส่วนความคืบหน้าธุรกิจกัญชง-กัญชา บริษัทฯ อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรที่ได้ยื่นขอใบอนุญาตทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกัญชงจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว รวมไปถึงมีการร่วมมือกับวิสาหกิจชุมชนเพื่อที่จะปลูกกัญชงมารองรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ด้วย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในการร่วมมือกับพันธมิตร และการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากกัญชงออกมาจำหน่ายภายใน ไตรมาส2-3 ปีนี้ เพื่อนำผลิตภัณฑ์ต่างๆ ไปจำหน่ายในร้านค้าในเครือของบริษัท ที่มีทั้งร้านค้าปลีก ร้านอาหาร และร้านเครื่องดื่ม เช่น MAX Mart, ร้านกาแฟพันธุ์ไทย ร้านคอฟฟี่เวิลด์ อีกทั้งมีแผนจะเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเรือร่าเริง ที่มีการผสมใบกัญชา ในเร็วๆ นี้ โดยจะเปิดจำหน่ายในปั๊มน้ำมัน PT เป็นหลัก
พร้อมกันนี้ PTG ยังมีแผนนำบริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจ LPG เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยคาดว่าจะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) เพื่อขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนทั่วไป (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ในช่วงปลายปีนี้ เพื่อระดมทุนมาใช้ขยายธุรกิจ LPG ให้เติบโตมากขึ้น