กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งผลักดันผู้ประกอบการแปรรูปกัญชงสู่พาณิชย์รองรับ BCG Model ผนึกภาครีเครือข่ายหวังเพิ่มรายได้เกษตรกร แชร์ส่วนแบ่งตลาดโลกที่สูงกว่า 1.4 หมื่นล้านเหรียญ ยกชั้นไทยเป็นผู้นำด้านการผลิตและส่งออกสินค้ากึ่งวัตถุดิบ และผลิตภัณฑ์จากกัญชงที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียนภายใน 5 ปี
นายสุชาติ ไตรแสงรุจิระ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานเปิดการประชุมและปาฐกถาพิเศษ ในงานการประชุมสร้างความร่วมมือ เรื่อง “การพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมแปรรูปกัญชงสู่เชิงพาณิชย์” ภายใต้ “โครงการสนับสนุนอุตสาหกรรมแปรรูปกัญชง เพื่อตอบสนองเศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) ว่า พืชกัญชงสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์เป็นจำนวนมากเห็นได้จากมูลค่าตลาดอุตสาหกรรมกัญชงทั่วโลกในปี 2562 ที่มีมูลค่าประมาณ 4,410 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีอัตราเติบโตเฉลี่ย 16.21% ต่อปี โดยคาดว่าภายใน 7 ปีข้างหน้า (ปี 2569) จะมีมูลค่ากว่า 14,670 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยปัจจัยสำคัญที่สามารถนำส่วนต่างๆ ของกัญชงไปใช้แปรรูปได้หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกระดาษ วัสดุคอมโพสิต พลาสติกชีวภาพ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ตลอดจนการนำเมล็ดและน้ำมันจากเมล็ดกัญชงมาใช้เพื่อการบริโภค
“ตลาดสำคัญ ได้แก่ จีน สหรัฐอเมริกา และยุโรป โดยสารสกัด CBD ที่มีฤทธิ์ระงับประสาท ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย และบรรเทาอาการเจ็บป่วย รวมทั้งคุณประโยชน์ที่หลากหลายของ CBD คาดว่าภายใน 7 ปีข้างหน้า (ปี 2569) จะมีมูลค่ากว่า 4,268.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งไทยนั้นกัญชงได้รับการยกเว้นจากการเป็นยาเสพติดให้โทษ ยกเว้นช่อดอกที่ยังเป็นยาเสพติด ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข หากประชาชนหรือผู้ประกอบการสนใจผลิตหรือนำเข้ากัญชงจะต้องขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม กัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยมีศักยภาพในการรองรับการเติบโตของภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการมีความพร้อมด้านการลงทุนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจากส่วนต่างๆ ของกัญชง ประกอบกับมีพื้นที่ว่างทางการเกษตรที่สามารถเพาะปลูกกัญชง”นายสุชาติกล่าว
นางสาวพะเยาว์ คำมุข รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กล่าวว่า สศอ.ได้ดำเนินโครงการดังกล่าโดยร่วมกับ 3 สถาบันเครือข่าย สถาบันอาหาร สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สพว.) และสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ (สสท.)ในการขับเคลื่อนการพัฒนาเพื่อให้เกษตรกรมีความมั่นคงในรายได้และทำให้ไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการแปรรูปกัญชงของอาเซียนภายใน 5 ปี โดยมุ่งการวิจัยและพัฒนาเมล็ดให้ใช้ประโยน์ได้ทุกส่วน ทั้งเพื่อใช้เป็นอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ (Healthy Food/Drink) แกนแห้งนำไปใช้ทำพื้นรองเท้าและยางคอมปาวด์เพื่อทำเป็นผลิตภัณฑ์ยางถอนขนไก่ เปลือกนำไปใช้ทำสิ่งทอเป็นเส้นด้ายกัญชงผลิตเสื้อผ้าที่มีคุณสมบัติ Anti Bacteria และผลิตภัณฑ์คอมโพสิต เช่น กันชนรถยนต์และสเก็ตบอร์ด
ใบใช้ประโยชน์ทำเครื่องสำอาง เช่น Skin Care และ Anti-aging ก้านใบและใบนำไปใช้เป็นส่วนผสมของอาหารสัตว์ อีกทั้งช่อดอกนำไปทำเป็นผลิตภัณฑ์ไล่แมลงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มสูงผ่านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ตอบสนองนโยบาย BCG Model ที่เน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
“สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม( สมอ.) ได้เร่งเตรียมความพร้อมในด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับพืชกัญชง โดยจัดทำมาตรฐานผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับการผลิตสินค้ากึ่งวัตถุดิบจากพืชกัญชง จำนวน 3 มาตรฐาน ได้แก่ น้ำมันเมล็ดกัญชง น้ำมันกัญชง และสารสกัด CBD จากกัญชงคาดว่าจะทยอยประกาศใช้ภายในปี 2564”