ผู้จัดการรายวัน 360 - “ห้าดาว” ลุยต่อ เร่งปรับอิมเมจสู่แบรนด์ “ไฟว์สตาร์” (Five Star) แตกไลน์ธุรกิจต่อเนื่อง ปีนี้โหมหนักร้านกาแฟกับร้านไก่ ปั้นแฟรนไชส์เป็นหลัก รองรับเหยื่อโควิดที่ตกงาน
นายสุนทร จักษุกรรฐ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจ FIVE STAR & STAR coffee เครือซีพีเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เริ่มทยอยปรับภาพลักษณ์และรีเฟรชแบรนด์ใหม่สำหรับธุรกิจห้าดาวมาระยะหนึ่งแล้ว โดยได้ปรับชื่อแบรนด์จากไก่ย่างห้าดาวมาเป็นแค่ “ไฟว์สตาร์” (Five Star) เพื่อที่จะขยายธุรกิจกลุ่มห้าดาวออกไปหลายอย่าง ไม่จำกัดอยู่แค่ไก่ย่างที่เป็นธุรกิจดั้งเดิมมานานกว่า 35 ปีแล้วเท่านั้น และสร้างความทันสมัยให้กับแบรนด์และความชัดเจนในการสร้างแบรนด์ด้วย เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งในปี 2564 นี้จะดำเนินการต่อเนื่องอย่างเต็มรูปแบบ
สำหรับตลาดในประเทศไทย การดำเนินการในครั้งนี้เราทำในทุกส่วน ตั้งแต่การสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้ดูทันสมัยเป็นธุรกิจที่น่าลงทุนในสายตาของคนรุ่นใหม่ โมเดลการขายแฟรนไชส์ รูปแบบการตกแต่งร้าน รูปแบบการบริหารจัดการ รวมไปถึงการสื่อสารต่อผู้บริโภคและผู้สนใจ รวมทั้งการเปิดตัวแบรนด์แอมบาสซาเดอร์คนใหม่ คือ “กรรณ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา” เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ล่าสุดในอดีตที่เคยใช้ “ก้อย-รัชวิน” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์เมื่อเกือบ 10 กว่าปีที่ผ่านมาแล้ว
“การที่เรามาปรับใหม่ครั้งนี้เพราะต้องการที่จะให้ธุรกิจไฟว์สตาร์เข้าไปอยู่ในใจและเป็นตัวเลือกต้นๆ ของคนรุ่นใหม่ รุ่นลูกรุ่นหลาน เพราะปัจจุบันนี้ต้องยอมรับว่ามีธุรกิจค้าขายมากมาย มีแฟรนไชส์มากมายที่เป็นตัวเลือกโดยเฉพาะธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจก็ไม่ค่อยดี มีคนจำนวนมากต้องตกงานเพราะถูกให้ออกจากองค์กร เงินเก็บที่มีก็จำเป็นต้องเอามาใช้อย่างรอบคอบและคุ้มค่า ลดความเสี่ยงให้ได้มากที่สุด เราจึงต้องปรับครั้งนี้ เช่น การเปิดตัว “กรรณ” และจะมีหนังโฆษณาสื่อสาร อีเวนต์ต่างๆ เริ่มปลายปีที่ผ่านมา หรือการเปิดธุรกิจใหม่เป็นทางเลือกคนรุ่นใหม่ เช่น ร้านกาแฟ ร้านอาหารตามสั่งกระทะเหล็ก เป็นต้น ก็สามารถเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่นี้ได้นั่นเอง” นายสุนทรกล่าว
ปัจจุบันธุรกิจห้าดาวหรือในชื่อไฟว์สตาร์มี 5 กลุ่มหลัก รวมแล้วในไทยมีประมาณ 5,000 กว่าจุดขาย แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ และปริมณฑล กับต่างจังหวัดในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันที่ 50%-50% ส่วนในต่างประเทศมีเฉพาะไก่ย่างไก่ทอดห้าดาวประมาณ 2,500 กว่าจุดขายในหลายประเทศ (คือในอาเซียน และบังกลาเทศกับอินเดีย) ประกอบด้วย 1. ไฟว์สตาร์ (Five Stars) คือไก่ย่าง ไก่ทอดดั้งเดิม, 2. ร้านข้าวมันไก่ห้าดาว มีประมาณ 100 กว่าสาขา, 3. เป็ดย่างเจ้าสัว, 4. ธุรกิจใหม่คือ ร้านกระทะเหล็ก เป็นร้านอาหารตามสั่งแบบสตรีทฟูด ขณะนี้มี 2 สาขา คือ ที่ตึกซีพีพญาไท และเซ็นเตอร์วัน อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และ 5. ธุรกิจใหม่ คือ ร้านสตาร์คอฟฟี่ (Star Coffee) ขณะนี้มีประมาณ 100 กว่าสาขา
นโยบายธุรกิจไฟว์สตาร์คือ การขายแฟรนไชส์เป็นหลัก โดยที่บริษัทไม่ได้เปิดสาขาของตัวเอง เนื่องจากต้องการสร้างโอกาสสร้างอาชีพให้ผู้สนใจรายย่อยที่ไม่มีเงินทุนมากมายที่จะไปลงทุนสร้างอาชีพอื่น โดยเราพร้อมที่จะเป็นผู้สนับสนุนทุกอย่างให้ โดยที่ผู้สนใจมีเงินทุนที่ไม่มากก็ทำได้เพราะทุกอย่างจะเป็นระบบที่ไฟว์สตาร์ดำเนินการทั้งหมด ตั้งแต่การซัปพลายวัตถุดิบ เช่น ไก่ กาแฟ อื่นๆ การหาทำเลที่ดีๆ การส่งสินค้าให้ เป็นต้น
“คนที่ต้องการซื้อแฟรนไชส์ ปัจจัยหลักๆ ที่เขาจะพิจารณาก็มีแค่ 3 อย่างนี้เท่านั้น คือ มีกำไรดีไหม ทำธุรกิจยุ่งยากไหม และลงทุนเยอะไหม เราตอบโจทย์ตรงนี้ได้หมด เพราะลงทุนต่ำคืนทุนไม่เกิน 1 ปี และไม่มีค่าการตลาด ไม่มีค่ารอยัลตีเลย ทำก็ไม่ยุุ่งยาก ทุกอย่างเป็นระบบมาให้พร้อมหมด” นายสุนทร กล่าว
สำหรับรูปแบบแฟรนไชส์หลักๆ ของไก่ไฟว์สตาร์มี 2 รูปแบบหลัก คือ 1. คีออสก์พรีเมียม พื้นที่เฉลี่ย 3 เมตร คูณ 3 เมตร หรือประมาณ 10 ตารางเมตร มีทั้งย่างกับทอด ลงทุนประมาณ 50,000 บาท, 2. ร้านค้าหรือชอป ขนาดกลาง พื้นที่ 20-25 ตารางเมตร ลงทุน 200,000-450,000 บาท และขนาดใหญ่ พื้นที่ 50-100 ตารางเมตร ลงทุน 450,000-600,000 บาท ส่วนแฟรนไชส์ร้านกาแฟสตาร์คอฟฟี่ก็พยายามจะไปควบคู่กับร้านไฟว์สตาร์เพื่อป้อนลูกค้าซึ่งกันและกัน โดยเสียค่าแรกเข้า 5,000 บาทครั้งเดียว ไม่มีค่ามาร์เกตติ้งฟี ไม่มีค่ารอยัลตีฟี
ขณะนี้มีธุรกิจไฟว์สตาร์ที่เป็นทั้งร้านกาแฟกับร้านไก่อยู่ติดกันประมาณ 10 กว่าสาขาแล้ว เช่น สาขาหน้าโรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก ซึ่งผลตอบรับค่อนข้างดี ลูกค้าให้ความสนใจมาก และสามารถที่จะสร้างลูกค้าให้ไหลหมุนเวียนกันได้ด้วย แต่ก็ยังอยู่ในช่วงของการเริ่มต้น ซึ่งปัจจุบันลูกค้าเข้าร้านของไฟว์สตาร์จะมียอดการซื้อเฉลี่ยต่อบิลที่ 80 บาท เพราะราคาสินค้าในร้านไม่ได้สูง จับตลาดแมส มีเป้าหมายจะเพิ่มเป็น 100 บาทปีนี้ด้วยการออกเมนูใหม่ ทำโปรโมชัน และการจัดขายเป็นชุดมากขึ้น