xs
xsm
sm
md
lg

“เจ็ทส์ ฟิตเนส” เร่งดึงสมาชิกคืน ผุด 8 สาขาปีนี้สู่เป้า 3.2 หมื่นราย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - “เจ็ทส์ ฟิตเนส” เร่งเครื่องดึงลูกค้าที่หายไป 20% กลับคืนจากผลกระทบโควิด-19 ออกแคมเปญลดราคา 50% ดึงสมาชิก วางเป้าสิ้นปีมีสมาชิกรวม 3.2 หมื่นราย พร้อมลุยเปิดใหม่ปีนี้ 8 สาขา มั่นใจในมุมกลับโควิดทำให้คนห่วงและใส่ใจสุขภาพมากขึ้น

นายไมค์ แลมบ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เจ็ทส์ ฟิตเนส ภูมิภาคเอเชีย กล่าวว่าช่วงเกิดโควิด-19 ที่ผ่านมาส่งผลต่อธุรกิจฟิตเนสเช่นกันในช่วงแรก ทั้งจากการต้องปิดคลับและการรักษาระยะห่างจากมาตรการของภาครัฐ ส่งผลต่อปริมาณสมาชิกของเจ็ทส์หายไป 20% จากทั้งหมดที่มีประมาณ 29,000 ราย ขณะที่อีก 80% ที่มีเหลืออยู่นัั้น ในจำนวนนี้มีประมาณ 30% (จาก 80%) ที่ทำเรื่องขอหยุดการจ่ายค่าสมาชิกก่อน เนื่องจากยังไม่พร้อมและยังกลัวโควิด แต่เจ็ทส์ก็มีบริการฟิตเนสออนไลน์ด้วยเช่นกัน โดยตั้งเป้าหมายภายในสิ้นปีนี้จะมีสมาชิกรวมเป็น 32,000 ราย

อย่างไรก็ตาม ตลาดรวมฟิตเนสในไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะการเกิดโควิด-19 ซึ่งในอีกมุมหนึ่งมองว่าเป็นผลดีเพราะจะทำให้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น เพื่อสร้างความแข็งแรงให้แก่ร่างกายท่ามกลางโควิดระบาด ซึ่งเจ็ทส์ก็มีมาตรการเข้มงวดในการให้บริการเช่นกัน โดยกลุ่มลูกค้าหลักของเจ็ทส์อยู่ที่อายุ 21-40 ปีมากที่สุด แต่ก็จะขยายไปยังกลุ่มอื่นมากขึ้นด้วย โดยใช้งบตลาด 4% จากยอดรายได้


ทั้งนี้ เจ็ทส์ยังมีแผนการขยายธุรกิจต่อเนื่องในไทย โดยปี 2564 นี้ ตั้งเป้าหมายที่จะเปิดคลับใหม่รวม 8 สาขา เปิดไปแล้ว 2 แห่ง คือ ที่สยามสแควร์วัน กับอะมอรินีหัวหิน ขณะที่ปีที่แล้วเปิดใหม่มากถึง 11 สาขา ส่งผลให้สิ้นปีที่แล้วมีรวม 35 สาขา และคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีรวม 41 สาขา มากที่สุดในตลาดฟิตเนสในไทย โดยลงทุนเฉลี่ย 40 ล้านบาทต่อสาขา หรือรวมปีนี้ประมาณ 320 ล้านบาท หลังจากที่เริ่มกิจการในไทยเมื่อปี 2559 ที่เริ่มจากเพียง 3 สาขาเท่านั้น

“ทำเลที่ขยายก็จะมีหลากหลายทั้งในย่านกลางเมือง ตามสถานีรถไฟฟ้าเป็นหลัก และย่านชานเมือง ล้อมรอบกรุงเทพฯ รวมทั้งต่างจังหวัดด้วย ทำให้ได้ลูกค้าที่หลากหลาย ซึ่งแม้ช่วงโควิดระบาดและรัฐเริ่มผ่อนคลายให้เปิดบริการได้ สาขาในกรุงเทพฯ ย่านซีบีดีอาจจะมีลูกค้าใช้บริการน้อย แต่สาขาตามย่านอื่นมีลูกค้าใช้บริการมากกว่าก็ทดแทนกันได้” นายไมค์กล่าว

นายเดน แคนท์เวล ผู้จัดการประจำประเทศไทย เจ็ทส์ ฟิตเนส เปิดเผยว่า ขณะนี้แนวโน้มการกลับมาใช้บริการของสมาชิกเก่าที่หยุดไปรวมทั้งการสมัครสมาชิกของลูกค้าใหม่ๆ เริ่มทยอยกลับมาระดับ 30% แล้วซึ่งมาจากการที่ออกแคมเปญกระตุ้น “We want you comeback” ด้วยการให้ส่วนลด 50% สำหรับผู้มาใช้บริการนาน 2 เดือนเริ่มตั้งแต่สมัครสมาชิกจะสิ้นสุดแคมเปญปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้


“ตลอดปี 2564 นี้ เจ็ทส์ ฟิตเนส มีแผนเดินหน้าขยายสาขา 8 แห่ง โดยมุ่งเน้นทำเลในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดที่มีศักยภาพสูงในภูมิภาคหลัก เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงประสบการณ์ฟิตเนสครบวงจรระดับโลก พร้อมรองรับผู้รักการออกกำลังกายครอบคลุมทุกพื้นที่ได้มากขึ้น นอกจากสาขาปัจจุบันในกรุงเทพฯ นนทบุรี โคราช พัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ต เพชรบุรี และหัวหินแล้ว การขยายสาขาในปีนี้จะทำให้เจ็ทส์ ฟิตเนส มีจำนวนคลับทั้งสิ้น 41 แห่งในทุกภูมิภาคหลักทั่วประเทศ"

ตลาดรวมฟิตเนสไทยมีมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท มีผู้เล่นรายใหญ่ไม่กี่ราย โดยมีประชากรไทยประมาณ 5% เท่านั้นที่เล่นฟิตเนส ส่วนฮ่องกง สิงคโปร์มีมากกว่าไทย ขณะที่ในอเมริกา อังกฤษ มีมากถึง 10% ซึ่งเจ็ทส์มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 60% ในแง่ของบริการ 24 ชั่วโมง แต่ในภาพรวมมีแชร์ประมาณ 30% ทั้งนี้แต่ละสาขาวางเป้าหมายต้องมียอดรายได้เฉลี่ย 3-4 ล้านบาทต่อเดือนต่อสาขา

“เจ็ทส์ ฟิตเนส เป็นศูนย์รวมของผู้เชี่ยวชาญด้านการออกกำลังกายและนักกีฬาระดับแชมป์ โดยได้เปิดตัวเจ็ทส์ สควอด และ เจ ซีรีส์ มาสเตอร์ ทีมเทรนเนอร์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง พร้อมด้วย #ทีมเจ็ทส์ ชุมชนนักกีฬามืออาชีพระดับประเทศหลากหลายประเภท เพื่อส่งมอบประสบการณ์การออกกำลังกาย ทักษะ ความรู้ และการฝึกซ้อมกีฬาระดับโปร เช่น “ลีซอ-ธีรเทพ วิโนทัย” นักฟุตบอลชื่อดังจากทีมโปลิศ เทโร หนึ่งในนักกีฬา #ทีมเจ็ทส์ และ “ไหม-ธนีกาญจน์ แดงดา” นักกีฬาฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยที่เคยสร้างประวัติศาสตร์ไปชิงแชมป์โลกฟุตบอลหญิงได้ถึงสองครั้ง” นายเดนกล่าว




กำลังโหลดความคิดเห็น