“ศักดิ์สยาม” ดันประกาศร่างกฎกระทรวง เปิดเลนขวา รถยนต์ไม่เกิน7 ที่นั่ง เพิ่มความเร็ว 120 กม./ชม. ใช้ได้ เม.ย.นี้ สั่ง ทล. ทช.เร่งติดตั้งป้ายกำหนดความเร็วให้ชัดเจน พร้อมให้ข้อมูลประชาชนเข้าใจถึงกฎกติกาใหม่เพื่อความสะดวก และปลอดภัย
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้านโยบายปรับเพิ่มอัตราความเร็วสูงสุดของรถยนต์บนถนนทางหลวงให้สามารถใช้ความเร็วสูงสุดได้ 120 กม./ชม. ว่า คาดว่าร่างกฎกระทรวงกำหนดความเร็วยานพาหนะ สามารถประกาศในราชกิจจานุเบกษาภายในต้นเดือนเมษายน 2564 ซึ่งได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรมทางหลวง (ทล.) กรมทางหลวงชนบท (ทช.) กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เร่งรัดดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมาย
โดยวันที่ 25 ก.พ. ได้มีการประชุมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อเสนอความเห็น และข้อเสนอในการปรับปรุงร่างกฎกระทรวงฯ แล้ว จากนั้นจะส่งไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) พิจารณาให้ความเห็นภายใน 14 วัน และเสนอแนะกลับมายังกระทรวงคมนาคมภายใน 7 วัน และหลังจากกระทรวงคมนาคมตรวจสอบแล้วจะยืนยันร่างกฎกระทรวงฯ กลับไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบภายใน 7 วัน
ภายหลังจากแจ้งสำนักเลขาธิการ ครม.แล้ว ภายใน 5 วันรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมจะลงนามในกฎกระทรวงกำหนดความเร็วยานพาหนะฯ ส่งกลับไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาภายใน 7 วัน
นายศักดิ์สยามกล่าวว่า การปรับเพิ่มอัตราความเร็วสูงสุดบนถนนทางหลวง จะพิจารณาความปลอดภัยเป็นสำคัญ ได้แก่ ลักษณะทางกายภาพ สภาพการใช้พื้นที่ ตลอดจนการอยู่อาศัย ซึ่งพบว่าสามารถปรับเพิ่มความเร็วสูงสุดของรถยนต์ส่วนบุคคลขนาดไม่เกิน 7 ที่นั่ง จากเดิมที่กำหนดไว้ไม่เกิน 90 กม./ชม. เป็นความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม.
โดยจะต้องเป็นถนนที่มีมาตรฐานสูงขนาด 4 ช่องจราจรขึ้นไป ไม่มีจุดตัดหรือจุดกลับรถเสมอระดับถนน มีการแบ่งทิศทางจราจรอย่างชัดเจน และมีเกาะกลางถนนเฉพาะแบบกำแพงกั้น (Barrier Median) โดยกำหนดความเร็วขั้นต่ำสำหรับช่องจราจรขวาสุดไม่ต่ำกว่า 100 กม./ชม. เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุชนท้ายกัน พร้อมทำการปักป้ายกำกับความเร็วตลอดแนวเส้นทาง
เช่น ป้ายจำกัดความเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม. ในเขตชุมชนหรือเขตโรงเรียน ป้ายจำกัดความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. ในบริเวณทางโค้ง ทางแยก หรือทางกลับรถ ป้ายจำกัดความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. บริเวณทางตรงซึ่งสามารถทำความเร็วได้ แต่ต้องไม่เกินตามที่ป้ายกำหนด โดยผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติตามกฎจราจรและขับขี่ด้วยความเร็วตามที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุบนท้องถนนตลอดการเดินทาง
สำหรับรถประเภทอื่นๆ พิจารณาปรับกำหนดความเร็วขึ้นตามความเหมาะสม โดยรถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกิน 2,200 กิโลกรัม หรือบรรทุกคนโดยสารเกิน 15 คน สามารถใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 90 กม./ชม. ส่วนรถในขณะลากจูงรถอื่น รถสี่ล้อเล็ก หรือรถยนต์สามล้อ ใช้ความเร็วไม่เกิน 65 กม./ชม. รถจักรยานยนต์ใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม.
ส่วนรถจักรยานยนต์กำลังเครื่องยนต์ตั้งแต่ 35 กิโลวัตต์ หรือกระบอกลูกสูบรวม 400 CC ขึ้นไป ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 110 กม./ชม. รถโรงเรียนใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. และรถโดยสารเกิน 7 คน แต่ไม่เกิน 15 คน ใช้ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม.
“ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับข้อมูลรายละเอียด ในร่างกฎกระทรวง ความเร็ว 120 กม./ชม. เพื่อให้มีความชัดเจน เข้าใจง่าย” นายศักดิ์สยามกล่าว