ผู้จัดการรายวัน 360 - “อินเตอร์ ฟาร์มา” รุกหนักวางเป้าหมายลุยตลาดสุขภาพ โหมโปรไบโอติกเปิดแนวทางทั้ง “พัฒนาเอง-เทกโอเวอร์-ร่วมทุน” หลังปิดไปแล้ว 4 ดีล รับตลาดสุขภาพเติบโตต่อเนื่อง ปั้นสินค้าใหม่กลุ่มโปรไบโอติกลงตลาด
ดร.ตฤณวรรธน์ ธนิตนิธิพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจนวัตกรรมโปรไบโอติกและการดูแลสุขภาพ เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนขยายธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตด้วยเป้าหมายรายได้ภายในปี พ.ศ. 2568 ไว้ประมาณ 2,500 ล้านบาท จากปี 2562 ที่มีรายได้รวมเพียง 377 ล้านบาทเท่านั้น
แนวทางจะมีทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยโนว์ฮาวตัวเอง และการเข้าเทกโอเวอร์ซื้อกิจการ หรือการร่วมทุน โดยต้องเป็นผู้ร่วมทุนที่มีอำนาจในการบริหาร ด้วยนโยบายที่ต้องการเป็นบริษัทที่มีความครบวงจรเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพทั้งคน สัตว์ (และพืชที่เป็นเป้าหมายระยะยาว)
ในช่วงปีที่ผ่านมาได้ปิดดีลไปแล้วถึง 4 ดีล เช่น การเข้าซื้อกิจการโมเดิร์นฟาร์มา ด้วยงบลงทุน 295 ล้านบาท, การตั้งบริษัทร่วมทุนกับทางเครือของบริษัทไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป โดยถือหุ้น 51% จากเงินลงทุนรวม 20 ล้านบาท, การแจ้งความจำนงในการนำกัญชงมาใช้ในการผลิตต่อทางภาครัฐตามนโยบายที่กำหนด ซึ่งพร้อมที่จะวางจำหน่ายสินค้าเมื่อได้รับอนุญาต และการเข้าซื้อกิจการบริษัท เทวาประเทศไทย จำกัด ด้วยงบลงทุน 160 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แม้จะปิดดีลเหล่านั้นแล้ว แต่ยังคงต้องใช้งบในการพัฒนาและดำเนินกิจการต่อเนื่องอยู่ดีเช่น เทวาประเทศไทย ที่คาดว่าต้องใช้งบไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทในการดำเนินการต่อ
“ที่ผ่านมาการเติบโตของเราเป็นแบบออร์แกนิกหรือโตแบบปกติ เราวางแผนใช้เงินลงทุนปีละประมาณ 30 ล้านบาท ซึ่งไม่นับรวมการเติบโตแบบอินออร์แกนิกในแต่ละปีซึ่งแล้วแต่โอกาสและจังหวะว่าเราสามารถปิดดีลการเจรจาอะไรได้บ้าง จึงยังไม่สามารถเปิดเผยงบประมาณและดีลได้ชัดเจน ซึ่งขณะนี้เราก็มีการเจรจาอีกหลายดีลเหมือนกันที่มีความสนใจแต่ยังไม่เป็นทางการ แต่ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดเพราะเราอยู่ในตลาด MAI ด้วย”
แนวโน้มภาพรวมตลาดกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาทยังเติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่าปีละ 10-15% โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ปี 2563 ต่อเนื่องถึงปี 2564 ยิ่งทำให้ตลาดนี้เติบโต โดยปี 2563 เติบโตมากกว่า 20% ขณะที่ตลาดรวมอุตสาหกรรมยาในไทยมีมากกว่าแสนล้านบาท
ส่วนตลาดเซกเมนต์นูตราซูติคอลหรือโภชนเภสัชมีมูลค่ามากกว่า 2,000 ล้านบาท ก็เติบโตดีเช่นกัน ส่วนบริษัทฯ ยอดขายในสินค้ากลุ่มนี้เติบโต 25% เป็นผลจากผู้บริโภคทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยดูแลและรักษาสุขภาพเพื่อไม่ให้เกิดโรคต่างๆ มากขึ้น โดยเฉพาะโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน เป็นต้น ที่ถือเป็นโรคกลุ่มเสี่ยงและเป็นอันตรายมากหากติดเชื้อโควิด-19
ทั้งนี้ บริษัทฯ เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมโปรไบโอติกและการดูแลสุขภาพ มีสินค้าหลากหลายใน 5 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1. นวัตกรรมยารักษาโรค (Pharmaceutical Innovation) 2. โภชนบำบัดเพื่อการรักษาสุขภาพและชะลอวัย (Wellness & Anti-Aging Nutraceuticals) 3. เวชสำอางและนวัตกรรมความงาม (Cosmeceuticals & Aesthetic Innovation)
4. ผลิตภัณฑ์ดูแลและส่งเสริมสุขภาพของสัตว์เลี้ยง (Companion Animal Healthcare) และ 5. ผลิตภัณฑ์ดูแลและส่งเสริมสุขภาพสำหรับปศุสัตว์ (Livestock Animal Healthcare) จึงมองเห็นโอกาสในการทำตลาด โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม PROBAC FIT SERIES ที่เพิ่งวางจำหน่าย 3 SERIES ในตลาดไปเมื่อต้นเดือนมกราคม 2564 ที่ผ่านมา ประกอบด้วย SERIES 1 คือ PROBAC FIT ซินไบโอติก, SERIES 2 คือ PROTEIN FIT, SERIES 3 คือ FIBO FIT กลุ่มพรีไบโอติกไฟเบอร์
อนึ่ง ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้จะวางจำหน่าย SERIES 4 คือ BRAVO FIT ที่จะเน้นทำตลาด เจาะเฉพาะกลุ่มผู้ชายอายุ 35 ปีขึ้นไป ส่วน SERIES 5 คือ WONDER FIT ที่เน้นทำตลาด เจาะเฉพาะกลุ่มผู้หญิงอายุ 35 ปีขึ้นไป วางจำหน่ายในเร็วๆ นี้ ในช่องทาง 1. โรงพยาบาล และคลินิกชะลอวัย 2. ร้านขายยาทั่วไป เช่น แล็บ ฟาร์มาซี 3. ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ (โมเดิร์นเทรด)
4. ซูเปอร์มาร์เกตชั้นนำ เช่น วิลล่ามาร์เก็ต, ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต, กูร์เมต์ มาร์เก็ต, บิ๊กซี, เทสโก้โลตัส และ 5. ช่องทางออนไลน์ของบริษัทฯ ทั้งเพจ Facebook Interpharma Thailand, เว็บไซต์ www.interpharma.co.th, ไลน์ @interpharma, คอลเซ็นเตอร์ 09-4956-9536 รวมถึงช่องทาง Shopee
ล่าสุดบริษัทฯ ได้จับมือกับหัวเว่ย (HUAWEI) ทำ PROBAC FIT SERIES ซึ่งถือเป็นการทำ CO PROJECT GADGET ครั้งแรกระหว่างหัวเว่ย กับบริษัท อินเตอร์ ฟาร์มาฯ ที่นำเอานาฬิกา HUAWEI Band 4 และเครื่องชั่งน้ำหนักบลูทูธ HUAWEI Scale 3 มาไว้ในโปรแกรม โดยช่วงแรกจะทำ 2 โปรแกรม คือ 1. VIP PROBAC FIT SERIES มูลค่า 15,000 บาท 2. IP PROBAC FIT SERIES มูลค่า 7,500 บาท เจาะกลุ่มคนรักสุขภาพทั้งผู้หญิง ผู้ชาย คนที่เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลสูง กรดไหลย้อน และกลุ่มคนอ้วน
