ราคาแอลพีจีตลาดโลกที่พุ่งต่อเนื่อง ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ บัญชีแอลพีจีมีโอกาสติดลบระดับ 10,000 ล้านบาทภายในเดือน ก.พ.นี้ แต่มั่นใจเข้าสู่ฤดูร้อนราคาจะลดลง “สกนช.” มั่นใจดูแลราคาขายปลีก LPG ภาคครัวเรือน ถัง 15 กิโลกรัมไว้ที่ 318 บาท ได้ถึง 31 มี.ค.นี้ตามกรอบที่กำหนด
นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ราคาแอลพีจีตลาดโลก (LPG Cargo) สูงขึ้นมาสู่ระดับ 600 เหรียญฯต่อตัน ทำให้เป็นภาระกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการอุดหนุนราคาแอลพีจีเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าในเดือน ก.พ.นี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงบัญชีแอลพีจีจะติดลบในระดับ 10,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม กองทุนน้ำมันฯ ยังมีวงเงินเพียงพอที่จะคงราคาขายปลีกแอลพีจี หรือ ก๊าซหุงต้ม สำหรับภาคครัวเรือน ไว้ที่ระดับ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564 ตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง. เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2563
ปัจจุบันสถานะกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุด ณ วันที่ 31 ม.ค. 2564 กองทุนน้ำมันฯ มีเงินสุทธิอยู่ที่ 25,804 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมัน อยู่ที่ 35,683 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 9,879 ล้านบาท ขณะที่การดูแลราคาแอลพีจี การประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานประชุม เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2563 ได้อนุมัติขยายกรอบวงเงินสำหรับดูแลราคา LPG เพิ่มเป็น 15,000 ล้านบาท จากเดิมกำหนดไว้ 10,000 ล้านบาทไว้แล้ว
“หากติดตามราคาตลาดโลกช่วงนี้เป็นขาขึ้นเพราะยังอยู่ในช่วงฤดูหนาวที่มีความต้องการใช้เชื้อเพลิงสูงเพื่อทำความอบอุ่นในประเทศแถบตะวันตก และเมื่อเข้าสู่ฤดูร้อนช่วง มี.ค.เป็นต้นไป ราคาก็จะลดลง ดังนั้น กรอบวงเงินที่รัฐกำหนดดูแลไว้ไม่เกิน 15,000 ล้านบาท ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร” นายวิศักดิ์กล่าว