ลุ้น ครม.วันนี้เคาะรถไฟฟ้าสีชมพูต่อขยาย รฟม.เคลียร์ร่างสัญญาแนบท้ายทุกขั้นตอน

“ศักดิ์สยาม” ลุ้น “รถไฟฟ้าสีชมพูต่อขยาย” ชง ครม.วันนี้ หลังอัยการสูงสุดตอบกลับ รฟม.ยืนยันร่างสัญญาแนบท้ายเป็นประเด็นเทคนิค ไม่ใช่เอกสารทางกฎหมาย
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงโครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีชมพู (ช่วงแคราย-มีนบุรี) จากสถานีศรีรัช-เมืองทองธานี ว่า จากที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อขอให้ตรวจพิจารณาเอกสารแนบท้ายร่างสัญญาร่วมลงทุนการออกแบบและก่อสร้างงานโยธา การจัดหาระบบรถไฟฟ้าการให้บริการเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุง โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ฉบับแก้ไข กรณีโครงการส่วนต่อขยาย ช่วงสถานีศรีรัช-เมืองทองธานี ตามที่มีการตั้งข้อสังเกตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2564 อัยการสูงสุดได้มีหนังสือตอบกลับมาเรียบร้อยแล้ว

รฟม.ได้ส่งเรื่องต่อมายังกระทรวงคมนาคมวันที่ 29 ม.ค. 2564 กระทรวงคมนาคมจะเร่งนำเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งเป็นการเพิ่มเติมข้อมูลจากเรื่องเดิมที่ได้เคยนำเสนอไปก่อนแล้ว ทั้งนี้ ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถนำเข้าสู่วาระการประชุม ครม.วันนี้ (2 ก.พ.) ได้ทันหรือไม่

สำหรับหนังสือจากสำนักงานอัยการสูงสุดได้ระบุว่า ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดได้ตรวจพิจารณาให้ความเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนฯ โครงการรถฟ้าสายสีชมพู ฉบับแก้ไข กรณีส่วนต่อขยาย ช่วงสถานีศรีรัช-เมืองทองธานี และได้แจ้งข้อสังเกตที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการของ รฟม. ต่อมา รฟม.ได้มีหนังสือขอความอนุเคราะห์ให้ตรวจพิจารณาเอกสารแนบท้ายร่างสัญญาร่วมลงทุนฯ ฉบับแก้ไขดังกล่าว

สำนักงานอัยการสูงสุดได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเอกสารแนบท้ายฉบับแก้ไข กรณีโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายฯ ช่วงสถานีศรีรัช-เมืองทองธานี แล้วเห็นว่าเอกสารแนบท้ายดังกล่าวเป็นเอกสารทางเทคนิคในสาระสำคัญมิใช่เอกสารทางกฎหมาย สำนักงานอัยการสูงสุดจึงมิอาจตรวจพิจารณาให้ได้

กรณีจึงเป็นหน้าที่ของ รฟม.ที่จะต้องตรวจสอบเอกสารแนบท้ายดังกล่าวมิให้ขัดหรือแย้งกับร่างสัญญาที่สำนักงานอัยการสูงสุดได้ตรวจพิจารณาให้ รวมถึงตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของเอกสารแนบท้ายสัญญาต่างๆ เมื่อ รฟม.ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเอกสารดังกล่าวมีความถูกต้องครบถ้วย โดยมีรายละเอียดมิขัดหรือแย้งกับร่างสัญญาที่สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจพิจารณา ซึ่งเป็นไปตามข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุดครบถ้วนแล้ว สำนักงานอัยการสูงสุดก็ไม่มีข้อขัดข้องแต่อย่างใด