กระทรวงอุตฯ จับมือคลังปล่อยมาตรการกระตุ้นใช้พลาสติกย่อยสลายได้ทางชีวภาพ ลดภาษีเงินได้ 1.25 เท่า ส่งเสริมโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน หนุนเอกชนซื้อผลิตภัณฑ์ชีวภาพตามข้อกำหนดได้ยกเว้นภาษีปี 2562-2564
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้เร่งขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (BCG Economy : เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว) โดยร่วมกับกระทรวงการคลังจัดทำมาตรการกระตุ้นการใช้พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ (Green Tax Expense) ซึ่งจะเป็นการนำรายจ่ายที่ผู้ประกอบการได้จ่ายไปในการซื้อผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นจำนวน 1.25 เท่าของค่าใช้จ่ายที่ได้จ่ายไปในขอรับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ในระหว่างปี 2562-2564 โดยจะต้องซื้อผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายตามประเภทที่กรมสรรพากรกำหนดจากผู้ผลิตที่ได้รับใบรับรองผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพที่ออกให้โดยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.)
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าผู้ประกอบการจะเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ต่อปีของปริมาณการผลิตพลาสติกทั้งหมดจำนวน 431,800 ตันต่อปี ซึ่งมาตรการครั้งนี้จะ ช่วยสร้างเศรษฐกิจสีเขียวและยกระดับสังคมให้น่าอยู่มากขึ้น ช่วยลดงบประมาณภาครัฐในการกำจัดขยะพลาสติกตกค้าง และเป็นการเพิ่มทางเลือกในการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อใช้ทดแทนพลาสติกที่ย่อยสลายยากซึ่งจะนำไปสู่การบรรลุเป้าประสงค์ในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Bio Hub of ASEAN
นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า มาตรการ Green Tax Expense สำหรับพลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ สศอ.จะออกใบรับรองผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพให้แก่ผู้ผลิตในประเทศที่จำหน่ายระหว่างปี 2562-2564 โดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นผู้ซื้อคนแรกสามารถนำรายงานการซื้อสินค้า ใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่ม และใบรับรองผลิตภัณฑ์ฯ จาก สศอ. ยื่นขอลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลได้เป็นจำนวน 1.25 เท่าของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ ได้แก่ 1. ถุงหูหิ้ว 2. ถุงขยะ 3. แก้วพลาสติก 4. จาน ชาม ถาดพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว 5. ช้อน ส้อม มีดพลาสติก 6. หลอดพลาสติก 7. ถุงพลาสติกสำหรับเพาะชำ 8. ฟิล์มคลุมหน้าดิน 9. ขวดพลาสติก 10. ฝาแก้วน้ำ และ 11. ฟิล์มปิดฝาแก้ว
“หลักเกณฑ์การออกใบรับรองผลิตภัณฑ์พลาสติกดังกล่าวจะออกให้แก่ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกฯ ที่จำหน่ายระหว่างปี 2562-2564 โดยต้องยื่นแบบฟอร์มการขอใบรับรองให้ สศอ.ตรวจสอบตามหลักเกณฑ์ข้อใดข้อหนึ่งใน 4 ข้อ คือ 1. ผลิตภัณฑ์ได้รับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) 2. ผลิตภัณฑ์ได้รับรองมาตรฐานอื่นที่เทียบเท่าในต่างประเทศ 3. ผลิตภัณฑ์มีใบรับรองทางห้องปฏิบัติการตามมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง 4. ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรองเม็ดพลาสติกที่ใช้ผลิตตามมาตรฐาน มอก.17088 หรือมาตรฐานเทียบเท่า และสำเนาผลการทดสอบผลิตภัณฑ์ในรายการผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรองเม็ดพลาสติกที่ใช้ผลิตตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก. 17088 หรือมาตรฐานเทียบเท่าและสำเนาผลการทดสอบองค์ประกอบผลิตภัณฑ์ (FTIR)” นายทองชัยกล่าว