“พาณิชย์” ขยายเวลาการให้บริการจดทะเบียนธุรกิจ และบริการข้อมูลธุรกิจนอกเวลาราชการ วันที่ 21-25 ธ.ค. 63 ถึง 18.30 น. และวันเสาร์ที่ 26 ธ.ค. 63 เวลา 08.30-16.30 น. เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ประกอบการ เป็นของขวัญปีใหม่ พร้อมเดินหน้านโยบาย “ซ่อม เสริม สร้าง” ช่วยผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 กลับมาเข้มแข็ง
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เตรียมมอบของขวัญปีใหม่แก่ภาคธุรกิจและประชาชน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เข้าใจ ภาคธุรกิจ ทุกนาทีมีค่า ภาครัฐ พร้อมให้บริการเต็มที่และดีที่สุด” ด้วยการขยายเวลาการให้บริการจดทะเบียนธุรกิจ และบริการข้อมูลธุรกิจนอกเวลาทำการ คือ วันจันทร์ที่ 21-วันศุกร์ที่ 25 ธ.ค. 2563 ถึงเวลา 18.30 น. และวันเสาร์ที่ 26 ธ.ค. 2563 เวลา 08.30-16.30 น. ณ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ สนามบินน้ำ และสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าเขต 1-6 ในเขตกรุงเทพมหานคร
“ของขวัญปีใหม่ที่มอบให้แก่ภาคธุรกิจในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากแนวคิดที่เข้าใจถึงความสำคัญในเรื่องเวลาของภาคธุรกิจที่ทุกนาทีมีค่า หากภาครัฐมีการขยายเวลาการให้บริการ ภาคธุรกิจก็สามารถที่จะประกอบธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นประกอบธุรกิจ หรือผู้ที่ไม่สะดวกดำเนินธุรกรรมในช่วงเวลาทำการ ดังนั้น การขยายเวลาการให้บริการจึงเป็นการเพิ่มความสะดวก ช่วยประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายแก่ภาคธุรกิจมากยิ่งขึ้น ซึ่งภาครัฐเองก็พร้อมที่จะให้บริการอย่างเต็มที่และดีที่สุด เพื่อให้ภาคธุรกิจได้รับความพึงพอใจสูงสุด”
นายวีรศักดิ์กล่าวว่า ตลอดปี 2563 ที่ผ่านมา ภาคธุรกิจและประชาชนต่างได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นอย่างมาก จึงได้มอบนโยบายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเร่งลงพื้นที่พบปะผู้ประกอบการให้ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ เพื่อสำรวจความต้องการความช่วยเหลือด้านต่างๆ ของภาคธุรกิจ โดยให้นำความเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้รับกลับมาจัดทำเป็นโครงการเพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้ภาคธุรกิจมีความเข้มแข็งและสามารถเดินต่อไปได้ด้วยความมั่นคง
ทั้งนี้ ในปี 2564 ที่กำลังจะมาถึงนี้จะมีการเร่งสร้างองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการธุรกิจและความรู้ด้านต่างๆ ที่มีความจำเป็นต่อการประกอบธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวมถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกภาพธุรกิจให้มากที่สุด ในรูปแบบของ “ซ่อม เสริม สร้าง” โดย “ซ่อม” จะให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบให้สามารถกลับมาเข้มแข็งได้อีกครั้ง “เสริม” จะเสริมพลังให้ผู้ประกอบการทั้งองค์ความรู้และความช่วยเหลือต่างๆ และ “สร้าง” จะผลักดันให้เกิดผู้ประกอบการรายใหม่ในแวดวงธุรกิจเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ได้ขอให้เร่งใช้จ่ายเงินงบประมาณในส่วนภูมิภาคมากขึ้น เช่น การอบรมสัมมนา การจัดงานต่างๆ เพื่อให้เศรษฐกิจท้องถิ่นเกิดการหมุนเวียนซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศมีความเข้มแข็งตามไปด้วย