กทท.เร่งส่งมอบพื้นที่ ให้ “CNNC” ของกลุ่มพริมา มารีน ต้นปี 64 เริ่มงานขุดลอกและถมทะเล แหลมฉบังเฟส 3 วงเงิน 2 หมื่นล้าน พร้อมเดินหน้าเยียวยาผลกระทบ และเตรียมประมูลสร้างถนนและท่าเรืออีก 6.5 พันล้าน เผยล่าสุดค่าลงทุนภาครัฐลดลงกว่า 5.7 พันล้าน
เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้า โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ว่า เป็นงานด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ กทท.จะดำเนินการเอง ซึ่งมี 4 งาน ได้แก่ 1. งานก่อสร้างทางทะเล เป็นงานขุดลอกถมทะเล สร้างเขื่อนกันคลื่น โดย กทท.ได้ลงนามในสัญญากับกิจการร่วมค้า ซีเอ็นเอ็นซี (CNNC) ประกอบด้วย บริษัท เอ็น.ที.แอล.มารีน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บมจ.พริมามารีน บริษัท นทลิน จำกัด และบริษัท จงก่าง คอนสตรั๊คชั่น กรุ๊ป จำกัด (ประเทศจีน) วงเงิน 20,700 ล้านบาทไปแล้ว
ขณะนี้อยู่ระหว่างตั้งคณะกรรมการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ตามรายงานการศึกษาผลกระทบคุณภาพสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ (EHIA) จากนั้นจึงจะออกหนังสือให้เริ่มงาน (Notice to Proceed : NTP) ให้ผู้รับจ้างได้ คาดว่าจะเป็นช่วงต้นปี 2564
ทั้งนี้ กทท.ได้ตั้งงบสำหรับเยียวยาผลกระทบประมาณ 1,800 ล้านบาทไว้แล้ว โดยมีกำหนดส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับสัมปทาน ทลฉ.เฟส 3 ในปี 2566
2. งานก่อสร้างอาคาร ท่าเทียบเรือ ระบบถนนและระบบสาธารณูปโภค กรอบวงเงินงบประมาณ 7,424.83 ล้านบาทโดยอยู่ระหว่างนำร่างทีโออาร์ลงเว็บไซต์เพื่อประชาพิจารณ์ครั้งที่ 2 โดยมีราคากลางอยู่ที่ 6,502.34 ล้านบาท ซึ่งจะมีการทบทวนราคาให้เป็นปัจจุบันอีกครั้ง (หรือไม่เกิน 30 วันก่อนประมูล)
3. งานก่อสร้างระบบรถไฟ เชื่อมต่อกับศูนย์กลางการขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟ (Single Rail Transfer Operator : SRTO) เข้าหลังท่าเรือ วงเงิน 600 ล้านบาท และ 4. งานจัดหาประกอบและติดตั้งเครื่องจักรและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ วงเงิน 2,200 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเปิดประมูลในช่วงปี 2567-2568
สำหรับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 จำนวน 4 งานนั้น มีกรอบวงเงินงบประมาณที่ได้ประเมินไว้ที่ 35,782 ล้านบาท โดยขณะนี้ดำเนินการประมูล 2 งาน คือ งานก่อสร้างทางทะเล ซึ่งมีการคำนวณราคากลางได้ที่ 21,320 ล้านบาท ต่ำกว่ากรอบงบประมาณ 4,238 ล้านบาท ขณะที่ผลจากประมูลวงเงินเหลือ 20,700 ล้านบาท เท่ากับต่ำกว่ากรอบงบประมาณถึง 4,858 ล้านบาท
ส่วนงานที่ 2 งานถนนท่าเรือ และระบบสาธารณูปโภค คำนวณราคากลางได้ที่ 6,502 ล้านบาท ต่ำกว่ากรอบงบประมาณ 922 ล้านบาท และคาดว่าวงเงินหลังประมูลเสร็จจะลดลงอีก ทำให้โดยรวมขณะนี้สามารถดำเนินการได้ต่ำกว่ากรอบงบประมาณไปแล้วกว่า 5,780 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าผลการดำเนินการโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F ซึ่งได้เจรจาผลตอบแทนกับกลุ่ม GPC ประกอบด้วย บริษัท กัลฟ์เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด (PTT TANK) บริษัท ไชน่า ฮาร์เบอร์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ที่ 28,000 ล้านบาท คาดว่าจะเสนอคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในวันที่ 18 ธ.ค. เพื่อพิจารณาต่อไป