ครม.ไฟเขียวร่างกฎกระทรวง กำหนดความเร็วเลนขวาห้ามช้ากว่า 100 กม./ชม. สูงสุดไม่เกิน 120 กม./ชม.คาดเริ่มใน ธ.ค. นำร่องสายเอเชียช่วง “บางปะอิน-อ่างทอง” พร้อมคุมรถโดยสาร 90 กม./ชม. รถนักเรียน-จักรยานยนต์ 80 กม./ชม.-บิ๊กไบก์ 100 กม./ชม.
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 1 ธ.ค. มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดความเร็วของยานพาหนะ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ดำเนินการต่อไปตามขั้นตอนซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 2 สัปดาห์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมลงนามเพื่อมีผลบังคับใช้ภายในเดือนธ.ค. 2563
ซึ่งร่างกฎกระทรวงฉบับนี้เป็นการกำหนดความเร็วในการขับรถในทางหลวงแผ่นดินทางหลวงชนบท ที่มีทางเดินรถแบบจัดแบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั้งแต่2 ช่องเดินรถ มีเกาะกลางถนนเฉพาะแบบกำแพงกั้น (Barrier Median) และไม่มีจุดกลับรถเสมอระดับถนน รวมทั้งการกำหนดความเร็วขั้นต่ำสำหรับการขับรถในช่องเดินรถช่องทางขวาสุดในทางหลวงเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อภาคการขนส่งและจราจรของประเทศ สามารถแก้ไขปัญหาจราจรให้มีความคล่องตัวมากขึ้น
โดยรายละเอียดการกำหนดความเร็วในร่างกฎกระทรวงกำหนดความเร็วของยานพาหนะ กำหนดให้ใช้ความเร็วไม่เกินตามประเภทของรถประกอบด้วย รถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกิน 2,200 กิโลกรัม รถบรรทุกคนโดยสารเกิน 15 คน ให้ใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง, รถบรรถทุกคนโดยสารเกิน 7 คน แต่ไม่เกิน 15 คน ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง, รถในขณะที่ชักจูงรถอื่น รถยนต์สี่ล้อเล็กหรือรถยนต์สามล้อ ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
รถจักรยานยนต์ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ,รถจักรยานยนต์ที่มีกำลังเครื่องยนต์ตั้งแต่ 35 กิโลวัตต์ขึ้นไป หรือมีขนาดความจุของกระบอกสูบรวมกันตั้งแต่400 ลูกบาศก์เซนติเมตรขึ้นไปให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง, รถโรงเรียนหรือรถรับส่งนักเรียน ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน80กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนรถยนต์อื่นที่ไม่อยู่ในข่ายข้างต้นให้ใช้ความเร็วไม่เกิน120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
โดยได้กำหนดความเร็วขั้นต่ำสำหรับช่องขวาสุดของทางเดินรถในทางหลวง ซึ่งแบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันตั้งแต่ 2 ช่องทางขึ้นไปไว้ที่ไม่ต่ำกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนเขตทางที่มีป้ายหรือเครื่องหมายจราจรแสดงว่าเป็นเขตอันตราย หรือเขตให้ขับรถช้าๆ ให้ลดความเร็วลงและเพิ่มความระมัดระวังขึ้นตามสมควร
สำหรับ ในกรณีที่มีเครื่องหมายจราจรกำหนดอัตราความเร็วขั้นสูงต่ำกว่าที่กำหนดไว้ข้างต้น ไม่ว่าตลอดทางเดินรถหรือช่วงใดช่วงหนึ่ง ให้ผู้ขับขี่รถทุกประเภทขับไม่เกินอัตราความเร็วขั้นสูงที่กำหนดไว้ในเครื่องหมายจราจรนั้น ยกเว้นในกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติได้เนื่องจากมีข้อจำกัดเรื่องปริมาณรถ หรือเหตุขัดข้องอื่นอันมีเหตุผลสมควรแก่กรณี ซึ่งการกำหนดเครื่องหมายจราจรนั้นต้องแสดงให้ผู้ขับขี่เห็นได้ชัดเจนก่อนถึงทางเดินรถหรือช่วงที่กำหนด ในระยะเพียงพอที่ผู้ขับขี่จะสามารถลดความเร็วเพื่อปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจรนั้นได้ และต้องแสดงเครื่องหมายเป็นระยะตลอดจนสิ้นสุดทาง หรือช่วงที่กำหนด
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า จะมีการนำร่องใช้ความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. ทางหลวงหมายเลข 32 หรือถนนสายเอเซีย ช่วงบางปะอิน-นครสวรรค์ ซึ่งมีระยะทางประมาณ 150 กม. โดยช่วงแรก จะเริ่ม จากต่างระดับบางปะอิน-อ่างทอง ระยะทาง 50 กม. ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีองค์ประกอบ 3 ข้อ คือ 1. มีมากกว่า 4 ช่องจราจร (มีขนาด 6-8 ช่องจราจร) 2. เกาะกลางเป็นแบริเออร์ 3. ไม่มีจุดกลับรถเสมอระดับถนน โดยกรมนได้เตรียมความพร้อมของเส้นทาง ทั้งปรับปรุงผิวทางและติดตั้งป้ายจราจต่างๆ เพื่อความปลอดภัย ไว้พร้อมแล้ว และจะประเมินผล และขยายเส้นทางที่จะประกาศใช้ความเร็วไม่เกิน
120 กม./ชม.ต่อไป ซึ่งจะเป็นทางหลวงสายหลัก เช่น มิตรภาพ พหลโยธิน