ผู้จัดการรายวัน 360 - “เกรฮาวด์กรุ๊ป” ปรับทัพฝ่าวิกฤตโควิด-19 ชูธงขายแฟรนไชส์และให้ไลเซนส์ธุุรกิจ ปีหน้าลงทุนต่อเนื่องแต่ระวังมากขึ้น ทุ่ม 500 ล้านบาทผุดสาขาทั้งแฟชั่นกับอาหารทุกแบรนด์ พร้อมจ่อเทกโอเวอร์กิจการ
นางสาวลิมลี่ ทิพพงษ์ประภาส กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทเกรฮาวด์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นส่งผลให้ต้องปรับแผนการลงทุนและการตลาดในช่วงที่ผ่านมา โดยปีนี้ได้ต่อยอดในธุรกิจแบบ Licensing จับมือกับพาร์ตเนอร์ยักษ์ใหญ่ต่อยอดเป็นสินค้าใหม่ออกจำหน่าย เช่น ให้ไลเซนซิ่งกับเครือสหพัฒน์ผลิตอินเนอร์แวร์ส รวมถึงธุรกิจแบบ Franchising เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นและครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย
การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นับเป็นปัจจัยเร่งให้เกิดการพัฒนาช่องทางการขายใหม่ ทั้งแฟชั่นและอาหารผ่านช่องทางออนไลน์และแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น ทางโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ aggregator รวมถึงมาร์เกตเพลสชั้นนำต่างๆ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในช่วงวิกฤตโรคระบาด ทำให้กลุ่มบริษัทเกรฮาวด์น่าจะคุ้มทุนหรือทำกำไรได้ในปี 2563 แม้ว่ายอดขายจะหายไปอย่างมีนัยสำคัญโดยเฉพาะในช่วงล็อกดาวน์ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
ขณะที่ในช่วง 6 เดือนจากนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าสถานการณ์โดยรวมจะเป็นอย่างไร แต่บริษัทฯ ยังคงมีแผนการลงทุนต่อเนื่อง ทั้งธุรกิจแฟชั่นและธุรกิจอาหาร แต่อยู่บนพื้นฐานที่ต้องระมัดระวังและใช้กระแสเงินสดในการลงทุนเป็นหลัก
ปีหน้า (2564) จะใช้งบลงทุนรวมขั้นต่ำประมาณ 500 ล้านบาทเพื่อขยายสาขาทุกแบรนด์รวมกัน 5-10 สาขา จากปีนี้ที่เปิดสาขาใหม่ประมาณ 5-6 สาขา นอกจากนั้นยังมีแผนที่จะเข้าซื้อกิจการหรือร่วมทุนกับธุรกิจแบรนด์อื่นหากมีโอกาสและความเหมาะสมเพื่อขยายไลน์ธุรกิจและสร้างการเติบโตให้แก่องค์กร
ปีนี้แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากโควิด แต่คาดว่ารายได้จะยังคงทรงตัวหรือลดลงจากปีที่แล้วไม่มากนัก ที่ทำได้ประมาณ 1,000 กว่าล้านบาท จากทั้งเครือมัดแมนที่เป็นบริษัทแม่ที่มีรายได้รวมกว่า 3,000 ล้านบาท
สำหรับสัดส่วนรายได้ยังเป็นกลุ่มอาหารเป็นหลัก 80% ปัจจุบันมีเครือข่ายร้านอาหารรวม 7 แบรนด์ ได้แก่ เกรฮาวด์ คาเฟ่ 17 สาขา, อนาเธอร์ ฮาวด์ คาเฟ่ 3 สาขา, กิน+เฮ 1 สาขา, ไก่ฮาวด์ 3 สาขา, เกรฮาวด์ คอฟฟี่ 15 สาขา (ที่ร่วมมือกับทางเอพีฮอนด้า) และบ้านฮาวด์ ซึ่งจำหน่ายเฉพาะช่องทางออนไลน์เท่านั้น
สัดส่วนที่เหลือ 20% เป็นกลุ่มเสื้อผ้าแฟชั่นของเกรฮาวด์ มี 3 แบรนด์ ได้แก่ เกรฮาวด์ ออริจินัล 4 สาขา, สไมลี่ฮาวด์ 10 สาขา โดยเตรียมเปิดอีก 2 สาขา ที่เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน และแฟชั่นไอส์แลนด์ รวมถึงแบรนด์แอนิมอล เฮ้าส์ จำหน่ายเฉพาะช่องทางออนไลน์เท่านั้น คาดว่าทำรายได้รวมเติบโตขึ้นจากปีที่แล้ว
ทั้งนี้ แบรนด์เกรย์ฮาวด์คอฟฟี่จะเปิดขายแฟรนไชส์ เงื่อนไขหลักคือ ค่าแฟรนไชส์ 150,000 บาท สัญญา 3 ปี ค่ารอยัลตี 6% ของยอดขาย คาดว่าปีหน้าจะเห็นผู้รับสิทธิ์แฟรนไชส์ได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับผู้สนใจหลายราย
ส่วนตลาดต่างปราะเทศ ปัจจุบันเกรฮาวด์ คาเฟ่ในต่างประเทศมี 15 สาขา ครอบคลุม 6 เดสติเนชัน คือ จีน, ฮ่องกง, สิงคโปร์, เวียดนาม, อินโดนีเซีย และอังกฤษ โดยในปี 2564 ทางเกรฮาวด์ กรุ๊ปจะขยายเพิ่มอีก 2 ประเทศ ซึ่งได้เซ็น MOU กับพาร์ตเนอร์ในประเทศฟิลิปปินส์แล้ว
นอกจากนี้ เรายังมองหาโอกาสของตลาดที่มีศักยภาพในประเทศอื่นๆ ทั้งในเอเชีย และยุโรป โดยไม่ได้จำกัดรูปแบบในการต่อยอดและพัฒนาธุรกิจ เปิดกว้างทั้งรูปแบบลงทุนเองทั้งหมด, การร่วมลงทุน และ การให้แฟรนไชส์ ซึ่งการขยายสาขาในต่างประเทศจะช่วยเพิ่มรายได้และยังช่วยบริหารความเสี่ยงจากการพึ่งพาการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจภายในประเทศเพียงอย่างเดียว
ส่วนธุรกิจแฟชั่นก็มีแผนขยายกลุ่มใหม่ๆ นอกจากเสื้อผ้า เช่น น้ำหอม รองเท้า สินค้ากีฬาที่เริ่มทำแล้ว และจะขยายตลาดต่างประเทศด้วย