ผู้จัดการรายวัน360-“พาณิชย์”ลุยสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจ ใช้แฟรนไชส์สร้างอาชีพ ช่วยคนไทยมีงานทำ มีธุรกิจเป็นของตนเอง ตั้งเป้าไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นรายในปี 64 เผยสามารถเลือกลงทุนได้ตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักล้าน ชี้อาหารและเครื่องดื่มมาแรง ตลาดต้องการ ลงทุนแล้วไม่ผิดหวัง
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการเป็นประธานเปิดงาน “แฟรนไชส์สร้างอาชีพ ปี 2563” ที่กระทรวงพาณิชย์ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าหมายที่จะช่วยเหลือพี่น้องคนไทยให้มีธุรกิจเป็นของตนเองผ่านการลงทุนทำธุรกิจแฟรนไชส์ เพราะสามารถทำเป็นอาชีพ เพื่อเพิ่มรายได้ ดูแลครอบครัว และยังมีส่วนสำคัญในการสร้างความเข้มแข้งให้กับเศรษฐกิจฐานราก โดยตั้งเป้าว่าในปี 2564 จะสร้างเครือข่ายธุรกิจแฟรนไชส์ให้ได้ 10,000 ราย จากธุรกิจตัวแม่ที่มีอยู่ 351 ราย ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เข้าไปสนับสนุนและผลักดันจนมีมาตรฐานระดับ
ทั้งนี้ ธุรกิจแฟรนไชส์ ถือเป็นธุรกิจรูปแบบหนึ่งที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนและผู้บริโภค มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มในระบบเศรษฐกิจได้มาก เพราะเจ้าของธุรกิจได้มีการพัฒนาธุรกิจของตนอย่างต่อเนื่องจนพิสูจน์ว่าประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคแล้วในระดับหนึ่ง และผู้ซื้อแฟรนไชส์ไปทำธุรกิจ จะได้รับการถ่ายทอดภูมิปัญญาด้านการผลิต ความรู้ความเข้าใจเฉพาะในเรื่องการตลาดของผลิตภัณฑ์ และระบบบริหารจัดการที่เป็นรูปแบบเฉพาะของผลิตภัณฑ์นั้น ทำให้ผู้ซื้อได้รับองค์ความรู้ที่ครบถ้วน เป็นหลักประกันได้ในระดับหนึ่งว่ามีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ
“ปัจจุบันมีผู้ประกอบการแฟรนไชส์ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการสนับสนุนส่งเสริมจำนวน 351 แฟรนไชส์ มีขนาดการลงทุนตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักล้านบาท ต่ำสุดลงทุนเพียง 5,000 บาท ก็สามารถซื้อแฟรนไชส์ไปประกอบธุรกิจได้ สูงสุด 1.2 ล้านบาท ผู้ที่สนใจสามารถเลือกขนาดการลงทุนที่เหมาะสมกับศักยภาพของตนเองได้ มีความหลากหลายของประเภทธุรกิจ”นายจุรินทร์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่สนใจสามารถมาเลือกซื้อแฟรนไชส์เพื่อลงทุนทำธุรกิจได้ โดยได้นำแฟรนไชส์ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม มาจัดแสดงเป็นตัวอย่างประมาณ 40 ราย และมีการลดค่าแฟรนไชส์สูงสุดถึง 50% ถือเป็นโอกาสดีสำหรับผู้ที่สนใจและยังมีสถาบันการเงินมาให้บริการสินเชื่อด้วย ซึ่งสามารถที่จะมาชมตัวอย่างแฟรนไชส์ได้ที่กระทรวงพาณิชย์ โดยจะจัดอีก 1 วัน คือ วันที่ 26 พ.ย.2563
นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับแผนการพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ให้มีความเข้มแข็ง เพราะธุรกิจแฟรนไชส์ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญของระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยกระทรวงพาณิชย์มีนโยบายในการดำเนินการช่วยเหลือ 4 ด้าน คือ 1.ต้องการบ่มเพาะผู้ประกอบการที่เริ่มต้นให้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ประกอบการแฟรนไชส์ 2.ยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการให้เท่าเทียมกับการบริหารระดับสากล 3.เพิ่มช่องทางธุรกิจให้กับธุรกิจแฟรนไชส์ และ 4.ปั้นผู้ประกอบการธุรกิจแฟรนไชส์รุ่นใหม่ให้เกิดมากขึ้น เพื่อเป็นกำลังสำคัญให้กับเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า ผู้ที่ต้องการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง สามารถเลือกซื้อแฟรนไชส์ที่กรมฯ ให้การส่งเสริมได้ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 351 ธุรกิจ โดยธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ถือเป็นธุรกิจดาวรุ่ง กำลังได้รับความนิยม ลงทุนแล้วมีโอกาสเติบโตได้สูง จึงขอเชิญชวนให้เข้ามาเลือกซื้อ และสามารถดูรายละเอียดแฟรนไชส์ได้ผ่านเว็บไซต์ของกรมฯ ที่ www.dbd.go.th
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการเป็นประธานเปิดงาน “แฟรนไชส์สร้างอาชีพ ปี 2563” ที่กระทรวงพาณิชย์ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าหมายที่จะช่วยเหลือพี่น้องคนไทยให้มีธุรกิจเป็นของตนเองผ่านการลงทุนทำธุรกิจแฟรนไชส์ เพราะสามารถทำเป็นอาชีพ เพื่อเพิ่มรายได้ ดูแลครอบครัว และยังมีส่วนสำคัญในการสร้างความเข้มแข้งให้กับเศรษฐกิจฐานราก โดยตั้งเป้าว่าในปี 2564 จะสร้างเครือข่ายธุรกิจแฟรนไชส์ให้ได้ 10,000 ราย จากธุรกิจตัวแม่ที่มีอยู่ 351 ราย ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เข้าไปสนับสนุนและผลักดันจนมีมาตรฐานระดับ
ทั้งนี้ ธุรกิจแฟรนไชส์ ถือเป็นธุรกิจรูปแบบหนึ่งที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนและผู้บริโภค มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มในระบบเศรษฐกิจได้มาก เพราะเจ้าของธุรกิจได้มีการพัฒนาธุรกิจของตนอย่างต่อเนื่องจนพิสูจน์ว่าประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคแล้วในระดับหนึ่ง และผู้ซื้อแฟรนไชส์ไปทำธุรกิจ จะได้รับการถ่ายทอดภูมิปัญญาด้านการผลิต ความรู้ความเข้าใจเฉพาะในเรื่องการตลาดของผลิตภัณฑ์ และระบบบริหารจัดการที่เป็นรูปแบบเฉพาะของผลิตภัณฑ์นั้น ทำให้ผู้ซื้อได้รับองค์ความรู้ที่ครบถ้วน เป็นหลักประกันได้ในระดับหนึ่งว่ามีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ
“ปัจจุบันมีผู้ประกอบการแฟรนไชส์ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการสนับสนุนส่งเสริมจำนวน 351 แฟรนไชส์ มีขนาดการลงทุนตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักล้านบาท ต่ำสุดลงทุนเพียง 5,000 บาท ก็สามารถซื้อแฟรนไชส์ไปประกอบธุรกิจได้ สูงสุด 1.2 ล้านบาท ผู้ที่สนใจสามารถเลือกขนาดการลงทุนที่เหมาะสมกับศักยภาพของตนเองได้ มีความหลากหลายของประเภทธุรกิจ”นายจุรินทร์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่สนใจสามารถมาเลือกซื้อแฟรนไชส์เพื่อลงทุนทำธุรกิจได้ โดยได้นำแฟรนไชส์ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม มาจัดแสดงเป็นตัวอย่างประมาณ 40 ราย และมีการลดค่าแฟรนไชส์สูงสุดถึง 50% ถือเป็นโอกาสดีสำหรับผู้ที่สนใจและยังมีสถาบันการเงินมาให้บริการสินเชื่อด้วย ซึ่งสามารถที่จะมาชมตัวอย่างแฟรนไชส์ได้ที่กระทรวงพาณิชย์ โดยจะจัดอีก 1 วัน คือ วันที่ 26 พ.ย.2563
นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับแผนการพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ให้มีความเข้มแข็ง เพราะธุรกิจแฟรนไชส์ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญของระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยกระทรวงพาณิชย์มีนโยบายในการดำเนินการช่วยเหลือ 4 ด้าน คือ 1.ต้องการบ่มเพาะผู้ประกอบการที่เริ่มต้นให้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ประกอบการแฟรนไชส์ 2.ยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการให้เท่าเทียมกับการบริหารระดับสากล 3.เพิ่มช่องทางธุรกิจให้กับธุรกิจแฟรนไชส์ และ 4.ปั้นผู้ประกอบการธุรกิจแฟรนไชส์รุ่นใหม่ให้เกิดมากขึ้น เพื่อเป็นกำลังสำคัญให้กับเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า ผู้ที่ต้องการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง สามารถเลือกซื้อแฟรนไชส์ที่กรมฯ ให้การส่งเสริมได้ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 351 ธุรกิจ โดยธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ถือเป็นธุรกิจดาวรุ่ง กำลังได้รับความนิยม ลงทุนแล้วมีโอกาสเติบโตได้สูง จึงขอเชิญชวนให้เข้ามาเลือกซื้อ และสามารถดูรายละเอียดแฟรนไชส์ได้ผ่านเว็บไซต์ของกรมฯ ที่ www.dbd.go.th
