“จุรินทร์” เปิดทางผู้ประกอบการที่ใช้สินค้าฟิล์มบีโอพีพีเป็นวัตถุดิบที่ได้รับความเดือดร้อนจากกรณีเปิดไต่สวนการทุ่มตลาดยื่นหนังสือร้องเรียนได้ รับจะพิจารณาให้ ด้านกรมการค้าต่างประเทศระบุที่ต้องเปิดไต่สวนเหตุพบมีการทุ่มตลาด แต่จะขึ้นอากรหรือไม่ต้องรอผลก่อน พร้อมนัดผู้ประกอบการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบ และเหตุผลที่ไม่ต้องการให้ใช้มาตรการเอดี 17 พ.ย.นี้
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าฟิล์มบรรจุภัณฑ์ไบแอคเซียลลี ออเรียนเต็ดโพลิโพรพิลีน หรือฟิล์มบีโอพีพี จะยื่นหนังสือขอให้พิจารณากรณีการขึ้นภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) ว่า กระทรวงพาณิชย์พร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้ประกอบการ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับเรื่อง ขอให้ยื่นเข้ามาก่อนแล้วจะพิจารณาให้
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า การเปิดไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าบีโอพีพีฟิล์ม ได้เปิดมาตั้งแต่เดือน ก.ค. 2562 เพราะคำขอของอุตสาหกรรมภายในพบว่ามีการทุ่มตลาดจริง และได้มีการส่งแบบสอบถามไปให้ผู้ประกอบการของไทย และผู้ส่งออกของประเทศที่ถูกระบุว่ามีการทุ่มตลาดแล้ว ทั้งจีน อินโดนีเซีย และมาเลเซีย น่าจะได้คำตอบกลับมาหมดแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณา แต่ยังไม่รู้ว่าผลการพิจารณาจะมีการเรียกเก็บอากรเอดีหรือไม่ ยังไม่เห็นข้อมูลต้องรอผลก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า วันที่ 17 พ.ย. 2563 กรมการค้าต่างประเทศได้เชิญผู้ประกอบการที่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบ หากจะมีการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าฟิล์มบีโอพีพีเกรดทั่วไปที่มีแหล่งกำเนิดจากจีน อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ให้เข้ามาแสดงความคิดเห็นถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น เหตุผลที่ไม่ต้องการให้มีการใช้มาตรการเอดี รวมถึงให้ข้อเสนอแนะ และมาตรการเยียวยาที่ผู้ประกอบการต้องการ
ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศได้ประกาศเปิดไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าบีโอพีพีเกรดทั่วไปที่มีแหล่งกำเนิดจากจีน อินโดนีเซีย และมาเลเซีย หลังจากที่ผู้ประกอบการภายในประเทศได้ร้องขอให้มีการเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการไต่สวนและรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ก่อนที่จะรวบรวมข้อมูลนำเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ทตอ.) ที่มีนายจุรินทร์เป็นประธานพิจารณา
ก่อนหน้านี้ ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าฟิล์มบีโอพีพีประมาณ 100 ราย กำลังจะทำเรื่องร้องเรียนต่อนายจุรินทร์ ในฐานะประธาน ทตอ. ให้พิจารณากรณีการขึ้นอากรเอดีอย่างรอบคอบ เพราะจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมที่ใช้ฟิล์มบีโอพีพีเป็นวัตถุดิบ ทั้งอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน เทปกาว สติกเกอร์ เคลือบกระดาษ และอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ใช้ฟิล์มบีโอพีพี เช่น อุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม ยาและเวชภัณฑ์ ของใช้ส่วนบุคคล ของใช้ในครัวเรือน และอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่มีรายได้จากการประกอบธุรกิจปีละกว่า 1 แสนล้านบาทได้รับผลกระทบทำให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น และอาจจะกระทบต่อเนื่องถึงผู้บริโภคที่จะต้องซื้อสินค้าในราคาที่แพงขึ้น