xs
xsm
sm
md
lg

SCGP ลั่นปี 64 ฟันรายได้ 1 แสนล้าน ปลื้ม 9 เดือนแรกปีนี้กำไรโต 22%

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เอสซีจี แพคเกจจิ้ง” มั่นใจปีหน้ามีรายได้แตะ 1 แสนล้านบาท เหตุรับรู้รายได้จากการขยายกำลังผลิต 4 โครงการใหม่ พร้อมมองโอกาสการเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติมอีก 2-3 แห่ง ด้านผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปีนี้มีกำไรโตขึ้น 22% จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 4,971 ล้านบาท

นายกุลเชฏฐ์ ธาราจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า ในปี 2564 บริษัทคาดรายได้จะเพิ่มขึ้นอยู่ระดับ 100,000 ล้านบาท เนื่องจากทยอยรับรู้รายได้จากโครงการขยายกำลังการผลิตที่จะทยอยแล้วเสร็จในปี 2564 และการเข้าซื้อกิจการบริษัท SOVI ที่ผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องลูกฟูกในเวียดนามจะแล้วเสร็จในสิ้นปีนี้

ขณะนี้บริษัทลงทุนโครงการขยายกำลังผลิตที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างทั้งหมด 4 โครงการ โดยใช้เงินลงทุนรวม 8,266 ล้านบาท ได้แก่ โครงการขยายการผลิตบรรจุภัณฑ์พอลิเมอร์แบบอ่อนตัวที่ประเทศเวียดนาม โดยมีกำลังผลิตส่วนเพิ่ม 84 ล้านตารางเมตรต่อปี คิดเป็น 20% ของกำลังผลิตปัจจุบัน โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 543 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาส 4/2563, โครงการขยายการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ (containerboard) และกระดาษกล่องเคลือบขาว (duplex paper) ที่ประเทศอินโดนีเซีย มีกำลังการผลิตส่วนเพิ่ม 400,000 ตันต่อปี คิดเป็น 29% ของกำลังผลิตปัจจุบัน ใช้เงินลงทุนประมาณ 1,735 ล้านบาท และคาดดำเนินการได้ในไตรมาสที่ 1/2564

โครงการขยายการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ที่ฟิลิปปินส์มีกำลังการผลิตส่วนเพิ่ม 220,000 ตันต่อปี คิดเป็น 88% ของกำลังผลิตปัจจุบัน ใช้เงินลงทุนประมาณ 5,388 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาสที่ 3/2564 และโครงการขยายการผลิตบรรจุภัณฑ์พอลิเมอร์แบบอ่อนตัวในประเทศไทย มีกำลังการผลิตส่วนเพิ่ม 53 ล้านตารางเมตรต่อปี คิดเป็น 14% ของกำลังผลิตปัจจุบัน โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 600 ล้านบาท และคาดดำเนินการได้ในไตรมาสที่ 3/2564

นายกุลเชฏฐ์กล่าวว่า บริษัทจะสามารถดำเนินการซื้อกิจการ Bien Hoa Packaging Joint Stock Company หรือ “SOVI” ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องลูกฟูก (Corrugated Containers) รายใหญ่ในประเทศเวียดนามได้แล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2563 จะทำให้บริษัทมีฐานรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากกิจการดังกล่าวประมาณ 2,000 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาเพื่อเข้าซื้อกิจการในกลุ่มธุรกิจกระดาษและพอลิเมอร์จำนวน 2-3 แห่ง

สำหรับผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปี 2563 บริษัทมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 69,190 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,971 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีปัจจัยเกื้อหนุนมาจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของความต้องการใช้สินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน และการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะจากการควบรวมกิจการกระดาษบรรจุภัณฑ์ในประเทศอินโดนีเซียและบรรจุภัณฑ์พอลิเมอร์ในประเทศไทย ซึ่งบริษัทเน้นเสนอสินค้าบริการรวมทั้งโซลูชันที่หลากหลายและการบริหารต้นทุนอย่างต่อเนื่อง
กำลังโหลดความคิดเห็น