xs
xsm
sm
md
lg

เปิดแผนรุกเฮลท์-บิวตี้ “ซีพีออลล์” เจาะตลาด 2 แสนล้านขยายพอร์ต

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - เปิดแผนรุกเฮลท์แอนด์บิวตี้ของซีพีออลล์ หลังผนึกการ์เดี้ยนผุดบริษัทร่วมทุน ขยายทุกช่องทางทั้งในเซเว่นและเปิดรีเทลชอปการ์เดี้ยน ตอบรับกระแสตลาดที่เติบโตดีมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท

ดร.อนุรักษ์ วัฒนะถาวรวงศ์ กรรมการ บริษัท ออลล์ การ์เดี้ยน จำกัด ในเครือซีพี เปิดเผยว่า จากข้อมูลของยูโรมอนิเตอร์ระบุว่า ในปี 2562 ตลาดความงามในไทยมีการเติบโตถึง 6.7% หรือคิดเป็นมูลค่าตลาดรวมกว่า 2.18 แสนล้านบาท โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเป็นตลาดใหญ่ที่สุด ด้วยสัดส่วน 42% รองลงมาคือ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผม 15%, ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกายหรือไฮยีน 14%, เครื่องสำอาง 12%, ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก 12% และน้ำหอม 5%

ดร.อนุรักษ์กล่าวว่า จากมูลค่าตลาดดังกล่าว ซีพีออลล์มองเห็นถึงแนวโน้มของตลาดดังกล่าวว่ายังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากและสนใจที่จะเข้าสู่ตลาดนี้อย่างเต็มตัวและมองหาคู่ค้าที่จะร่วมมือกัน โดยที่ผ่านมาก็มีการศึกษาตลาด โดยมีการติดต่อกับทางการ์เดี้ยนด้วยเมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้ว เบื้องต้นคือมองว่าจะนำเอาสินค้าของเขาเข้ามาขายก่อนผ่านช่องทางเรา ขณะที่การ์เดี้ยนเองก็สนใจที่จะเข้ามารุกตลาดไทยอีกครั้งด้วยหลังจากที่เคยเข้ามานานมากแล้ว จึงเป็นที่มาที่ทำให้เกิดการร่วมมือกันขึ้นบนพื้นฐานที่ว่า จุดแข็งของเราคือด้านช่องทางจำหน่ายผ่านร้านเซเว่นอีเลฟเว่นมากกว่า 12,000 สาขาทั่วประเทศ และจุดแข็งของเขาคือด้านสินค้าที่มีคุณภาพได้รับการยอมรับจากตลาด และแดรี่ฟาร์มก็มีประสบการณ์ดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 50 ปี เป็นผู้นำในตลาดค้าปลีกด้านสุขภาพและความงามในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จึงได้ตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นมาดำเนินการ


ทั้งนี้ บริษัท ออลล์ การ์เดี้ยน จำกัด เกิดจากการร่วมทุนระหว่าง บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นใหญ่ 65% และ บริษัท แดรี่ ฟาร์ม อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้น 35% ตั้งขึ้นปี 2563 นี้ เพื่อดำเนินธุรกิจการจัดจำหน่ายสินค้าสุขภาพและความงามในไทยภายใต้เครื่องหมายการค้า “Guardian” หรือการ์เดี้ยน ซึ่งถือเป็นการเติมเต็มและขยายพอร์ตโฟลิโอของซีพีออลล์ จากเดิมที่มีร้านเอ็กซ์ต้าที่เป็นร้านขายยาอยู่แล้ว และร้านเซเว่นอีเลฟเว่นที่เน้นจำหน่ายสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันและสินค้าสุขภาพความงามด้วย ซึ่งที่ผ่านมาสัดส่วนสินค้าด้านสุขภาพและความงามในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นมีประมาณ 5%

ทั้งนี้ ในประเทศไทย ถือเป็นตลาดล่าสุดของทางแดรี่ฟาร์มที่เป็นบริษทแม่ของการ์เดี้ยนที่ขยายออกต่างประเทศ จากปัจจุบันที่มีร้าน 2 แบรนด์หลักทำตลาด คือ แมนนิ่งส์ (Mannings) ที่ใช้ในตลาดจีนกับฮ่องกง ส่วนแบรนด์การ์เดี้ยน (Guardian) ใช้ในประเทศอื่นนอกเหนือจากจีนกับฮ่องกง เช่น สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย เป็นต้น ซึ่งขณะนี้มีรวมกันมากกว่า 2,000 สาขาทั่วเอเชียแล้ว


สำหรับแผนธุรกิจของการ์เดี้ยนในไทยจะรุกตลาดในหลายรูปแบบช่องทาง คือ 1. ระยะสั้น ขายผ่านร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เริ่มวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา สินค้ากระจายไปแล้วประมาณ 2,800 สาขา ด้วยการตั้งเชลฟ์ขึ้นมาเฉพาะ เบื้องต้นมีสินค้าจำหน่ายประมาณ 49 รายการ, 2. การเปิดเป็นมุมเฉพาะของแบรนด์การ์เดี้ยนในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เริ่มที่เซเว่นอีเลฟเว่นตึกซีพีทาวเวอร์ สีลม เดือนตุลาคมนี้ มีสินค้ามากกว่า 76 เอสเคยู และ 3. จะเปิดเป็นรีเทลชอปร้านของการ์เดี้ยน คาดว่าน่าจะเริ่มได้ในปีหน้า รวมทั้งการทำตลาดแบบออมนิแชนเนลด้วย

อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ที่ยังอยู่ในสถานการณ์โควิด-19 ระบาดอยู่ ยังคงส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจและการใช้ชีวิตของผู้บริโภคแบบนิวนอร์มัล ช่วงนี้จึงถือเป็นการทดลองทำตลาด แต่ในอีกมุมหนึ่งแม้ในช่วงที่เศรษฐกิจซบเซา แต่ตลาดสุขภาพและความงามยังเติบโตสวนกระแส เนื่องจากผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญต่อการดูแลสุขภาพมากขึ้นในช่วงที่โควิดยังระบาดอยู่นี้ โดยปัจจัยหลักในการเลือกสินค้าคือ ความปลอดภัย ประสิทธิภาพและส่วนผสมของสินค้า ตามลำดับ ซึ่งแตกต่างจากอดีตที่ให้ความสำคัญต่อประสิทธิภาพ และราคา

สำหรับสินค้าที่จะวางจำหน่ายนั้นจะมีหลากหลายกลุ่ม ทั้งคอสเมติกส์ แฮร์แคร์ ความงาม สกินแคร์ เวลเนส เสริมอาหาร เป็นต้น โดยหลักๆ แล้วจะเป็นสินค้าที่มาจากทางการ์เดี้ยน 20% และสินค้าในประเทศไทยกับที่ซีพีสรรหามาประมาณ 80% ราคาสินค้าเฉลี่ยอยู่ที่เริ่มต้น 19 บาท และสินค้าออร์แกนิกเริ่มต้นที่ 150 บาท








กำลังโหลดความคิดเห็น