บี.กริม เพาเวอร์เผยปีหน้ารายได้และกำไรโตต่อเนื่องจากปีนี้ เหตุเตรียมปิดดีล M&A โรงไฟฟ้า SPP ทั้งในไทยและมาเลเซียรวม 700 เมกะวัตต์ รวมทั้งรู้ผลการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซ LNG ในเวียดนาม กำลังผลิต 2-3 พันเมกะวัตต์ จ่อนำเข้า LNG 2.5 แสนตัน เริ่มปลายปี 63
นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยว่า ในปี 2564 บริษัทคาดว่าจะมีความชัดเจนในการลงทุนโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เป็นเชื้อเพลิงร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่นในเวียดนาม ขนาดกำลังผลิตราว 2,000-3,000 เมกะวัตต์ (MW) และการเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้า SPP ทั้งในไทยและมาเลเซียรวม 700 เมกะวัตต์ที่ดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์แล้ว รวมทั้งลงทุนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในประเทศฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีอยู่แล้ว 6 เมกะวัตต์
ดังนั้น ในปี2564 บริษัทจะมีรายได้และกำไรโตขึ้นกว่าปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้โต 10% จากปี 2562 ที่มีรายได้รวม 4.46 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทวางเป้าหมายมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 7,200 เมกะวัตต์ในปี 2568 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1.8 แสนล้านบาท เงินลงทุนส่วนใหญ่ราว 75% มาจากเงินกู้โครงการ ส่วนอีก 25% มาจากส่วนทุน ซึ่งปัจจุบันมีเงินสดในมือประมาณ 19,000 ล้านบาท และมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเข้ามาต่อเนื่องเพียงพอต่อการลงทุนโครงการใหม่ๆ รวมทั้งยังมีความสามารถในการออกหุ้นกู้ โดยไม่ต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนแต่อย่างใด
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในปลายปี 2563 ในรูปแบบตลาดจร (SPOT) เพื่อป้อนให้โรงไฟฟ้าในปัจจุบันโดยไม่กระทบต่อสัญญาซื้อขายก๊าซฯ ที่ทำไว้กับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เบื้องต้นได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) แล้วให้สามารถนำเข้าได้ 2.5 แสนตันต่อปีในช่วง 2 ปีแรก และในปี 2565 จะนำเข้า LNG เพิ่มขึ้นเป็น 6.5 แสนตันต่อปีหลังไฟฟ้า SPP ทดแทนโรงไฟฟ้าหมดอายุ (Replacement) จำนวน 5 แห่งเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาสัญญาเช่าคลัง LNG ของ ปตท.
ทั้งนี้ บี.กริม เพาเวอร์ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (LNG Shipper) จาก กกพ.ปริมาณ 6.5 แสนตันต่อปี โดยการจัดหา LNG เพื่อมาเป็นเชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้านั้นจะทำให้บริษัทมีต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่ำลงจากปัจจุบันที่ซื้อก๊าซธรรมชาติจาก บมจ.ปตท. (PTT) เพื่อใช้ผลิตไฟฟ้า โดยต้นทุนก๊าซฯ ที่ลดลงทุก 1 บาท/ล้านบีทียูจะทำให้กำไรเพิ่มขึ้นราว 15-16 ล้านบาท/ปี
ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ หรือ BGRIM กล่าวว่า บริษัทฯ เตรียมก่อสร้างโรงไฟฟ้า SPP จำนวน 7 โครงการ มูลค่า 40,000 ล้านบาท ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก 5 สถาบันการเงินชั้นนำ ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารออมสิน ร่วมกับ 2 บริษัทชั้นนำด้านการก่อสร้าง ได้แก่ บริษัท ซีเมนส์ เอนเนอร์ยี่ จำกัด ประเทศไทย และบริษัท โตชิบา แพลนท์ ซิสเต็มส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส คอร์ปอเรชั่น ทำให้มั่นใจถึงศักยภาพในการดำเนินโครงการที่จะลุล่วงตามแผนงานที่วางไว้
โครงการโรงไฟฟ้า SPP จำนวน 7 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 980 เมกะวัตต์ เป็นโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ทดแทนของเดิมเพื่อต่ออายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจำนวน 5 โครงการ และโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ (เปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งโรงไฟฟ้า) 2 โครงการ ได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ระยะยาวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเป็นระยะเวลา 25 ปี โดยมีวัตถุประสงค์หลัก คือ การพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่สำคัญในรูปแบบพลังงานไฟฟ้าและไอน้ำที่มีคุณภาพและเสถียรภาพ เพื่อที่จะส่งเสริมและดึงดูดการลงทุนของภาคอุตสาหกรรมที่จะส่งผลดีและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยได้อย่างยั่งยืน