ผู้จัดการรายวัน360- popIn (ป๊อบอิน) ประเทศไทย เผยสัดส่วนตลาดธุรกิจเสริมอาหารมาแรงสุด คิดเป็น 80 % ของลูกค้าที่ลงโฆษณากับทางป๊อบอิน เชื่อเติบโตต่อเนื่องด้วยรูปแบบโฆษณาแบบแนบเนียนและต่อยอดไปสู่ยอดขายจริง
นางสาวพัชรพร สิริทรัพย์วงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ ไป่ตู้ ประเทศไทย กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงกลางปี2563ที่ผ่านมาพบว่า มีหลายธุรกิจมีลักษณะการเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ และน่าจับตามอง ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจขนส่งสินค้า บริการส่งอาหาร ธุรกิจสินค้าออนไลน์ต่าง ๆ ธุรกิจประกันชีวิต รวมไปถึงธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเครื่องสำอาง ที่มียอดขายไปในทิศทางบวก เนื่องจากการที่ธุรกิจเหล่านั้นดำเนินการขายด้วยช่องทางออนไลน์เป็นหลักมากขึ้น เป็นช่องที่สามารถสื่อสารได้อย่างกว้างขวาง และสามารถวัดผลการเข้าชมรวมไปถึงการซื้อสินค้าหรือบริการนั้นได้จริง
การดำเนินธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีอัตราการเติบโตที่ดีดตัวสูงขึ้นจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด 19 เมื่อต้องเว้นระยะห่างระหว่างกันให้มากขึ้น การเดินทางออกไปซื้อสินค้ามีข้อจำกัดมากขึ้นจากเดิม ช่องทางที่จะทำให้ลูกค้ารับรู้ข้อมูลสินค้า บริการ หรือเข้าถึงรายละเอียดสินค้าจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก
สินค้าประเภทผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เป็นสินค้าที่มีอัตราการซื้อใช้ และซื้อซ้ำที่สูง สามารถตัดสินใจซื้อได้ง่าย ข้อมูล สรรพคุณสินค้าที่สามารถนำเสนอได้อย่างชัดเจนบนพื้นที่โฆษณา สามารถเพิ่มข้อมูลการรีวิวสินค้าจากผู้ใช้จริงได้
โดยปัจจัยที่ทำให้กลุ่มธุรกิจแนวเสริมอาหาร หรือวิตามินสนใจลงโฆษณากับ popIn เป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีอัตรา CTR สูง (Click Through Rate คือ อัตราส่วนที่บ่งบอกว่าผู้เข้าชมมีการคลิกโฆษณาของเราบ่อยครั้งแค่ไหน) เพิ่มการเข้าชม และเพิ่มยอดการสั่งซื้อได้ สามารถนำผลไปวิเคราะห์ และวางแผนงานการขายต่อไปได้ เป็นช่องทางที่สามารถตอบโจทย์และเห็นผลได้จริง อีกทั้งพบว่าลูกค้ามีพฤติกรรมการบริโภคที่จะกดอ่านข้อมูลในเพจ รวมไปถึงการสั่งซื้อในเวลาที่สั้นลง ตัดสินใจซื้อเร็วขึ้น อีกทั้งมีภาพรวมตลาดที่มูลค่าสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลต่อภาพรวมการเติบโตของตลาดอาหารเสริม ทำให้ทาง popIn พบว่า กว่า 80% ของลูกค้าเป็นกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามิน
สินค้ากลุ่มที่มีทิศทางไปในทางบวกอีกประเภทได้แก่ สินค้า อสังหาริมทรัพย์ ยานยนต์ ประกัน การศึกษา ลักษณะของการใช้พื้นที่โฆษณามีไปในวัตถุประสงค์ที่จะเป็นการให้ข้อมูล และเก็บข้อมูลลูกค้าเท่านั้น สินค้าประเภทนี้ไม่มีการซื้อขายบนหน้าเพจ แต่จะมีพื้นที่สำหรับใส่ข้อมูลต่าง ๆ ของลูกค้าที่สนใจสินค้า เพื่อให้ผู้โฆษณารวบรวมข้อมูลและติดต่อกลับ เพื่อเสนอขายสินค้าอีกครั้ง เนื่องจากสินค้าประเภทนี้มีมูลค่าสูง ต้องใช้เหตุผลประกอบการตัดสินใจซื้อหลายด้าน และใช้ระยะเวลานานในการตัดสินใจซื้อ
สำหรับ popIn (ป๊อบอิน) คือ แพลตฟอร์ม native ad หรือ รูปแบบการทำโฆษณาแบบแนบเนียนไปกับเนื้อหาที่ผู้บริโภคให้ความสนใจบนเว็บไซต์นั้นๆ ซึ่งข้อได้เปรียบของการโฆษณาประเภทนี้มาพร้อมกับกระแสข่าว ข่าวเด่น ข่าวดัง ข่าวที่มีคนให้ความสนใจมาก เมื่อผู้บริโภคให้ความสนใจกับข่าวสารบนสื่อเว็บไซต์ข่าวมากขึ้น จำนวนคนอ่านของแต่ละเพจมาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเมื่อพื้นที่ของ Native ad อยู่บนพื้นที่ของข่าวที่กำลังได้รับความสนใจ (ข่าวที่น่าสนใน / ข่าวที่เกี่ยวข้อง) ดังนั้น พื้นที่นี้จึงเป็นพื้นที่ที่มีอัตราการเลือกอ่าน การคลิกอ่านที่สูง ทำให้เมื่อพื้นที่โฆษณาของ popIn อยู่ในตำแหน่งนี้จะสามารถเพิ่มโอกาสในการเข้าไปอ่าน หาข้อมูล ตลอดไปจนถึงการเลือกซื้อสินค้าได้ง่ายมากขึ้น
“ทั้งนี้จำนวนเพจวิวของ popIn ในประเทศไทยปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านเพจวิว และเพจวิวทั่วโลกอยู่ที่ 10,000 ล้านเพจวิว โดย popIn ประเทศไทยตั้งใจจะเพิ่มยอดเพจวิวให้ได้ ถึง 700 ล้านเพจวิว ภายในไตรมาสสุดท้ายของปี ทั้งจากการเพิ่มขึ้นของพันธมิตรเว็บไซต์ข่าว และจำนวนลูกค้าที่ต้องการโฆษณาผ่านพื้นที่ Native Ad ซึ่งเป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับอัตราการเติบโตของธุรกิจ และการเพิ่มขึ้นของฐานลูกค้าใหม่” นางสาวพัชรพร กล่าว
สำหรับเครือข่าย PopIn ณ ปัจจุบันมีดังนี้ 1.ประเทศญี่ปุ่น: เครือข่ายที่หลากหลาย ตั้งแต่สื่อขนาดใหญ่ เช่น สื่อโฆษณาข่าวขนาดใหญ่, สื่อสิ่งพิมพ์ไปจนถึงสื่อเฉพาะทาง และมีจำนวนโฆษณาที่มีส่วนร่วม 800 ตัวขึ้นไป จำนวนยอดวิวต่อเดือน 6 พันล้าน วิวขึ้นไป
2.ไต้หวัน: เครือข่ายสื่อทางด้านธุรกิจ และเว็บไซต์ต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ด้านแฟชั่น จำนวนโฆษณาที่มีส่วนร่วม 220 ตัวขึ้นไป จำนวนยอดวิวต่อเดือน 1พัน2ร้อยล้าน วิวขึ้นไป
นอกจากนี้ยังดำเนินการธุรกิจที่ประเทศเกาหลี ไทย สิงคโปร์ อินโดนิเซีย มาเลเซีย