กรมพัฒนาธุรกิจการค้ายกระดับร้านค้าส่งค้าปลีกขนาดกลาง เผยปีนี้มีผู้ผ่านการพัฒนา 26 ราย ครอบคลุมทุกภาคของประเทศ เตรียมผลักดันให้เป็นพี่เลี้ยงช่วยร้านค้าปลีกรายย่อยต่อ ส่วนการพัฒนาสมาร์ทโชวห่วยล่าสุดช่วยไปแล้ว 28,682 ราย มั่นใจปีนี้ทะลุเป้า 30,000 ราย
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานมอบวุฒิบัตรให้ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกที่ผ่านการยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการร้านค้าส่งค้าปลีกให้สามารถแข่งขันได้ ประจำปี 2563 ว่า ในปีนี้มีธุรกิจค้าส่งค้าปลีกขนาดกลางที่ผ่านการพัฒนาทั้งหมด 26 ราย อยู่ในภาคเหนือ 11 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10 ราย ภาคกลาง 4 ราย และภาคใต้ 1 ราย ซึ่งผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการได้รับการบ่มเพาะความรู้ในการบริหารจัดการร้านค้าส่งค้าปลีก ดูงานในร้านค้าส่งค้าปลีกต้นแบบ และมีทีมผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ให้คำปรึกษาเชิงลึก ณ สถานประกอบการแบบรายธุรกิจ เพื่อดูว่าอะไรเป็นปัญหาในการทำธุรกิจ และได้เข้าไปช่วยแก้ไขและปรับปรุงพัฒนา เพื่อให้สามารถสู้กับร้านสะดวกซื้อและโมเดิร์นเทรดได้
“กรมฯ จะผลักดันให้ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกที่ผ่านการพัฒนาในโครงการนี้ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 212 ราย เป็นต้นแบบให้กับธุรกิจค้าส่งค้าปลีกรายอื่นๆ และผลักดันให้เป็นพี่เลี้ยงในการช่วยเหลือร้านค้าโชวห่วยในพื้นที่ หรือร้านโชวห่วยในเครือข่าย ให้มีการพัฒนาและปรับรูปแบบการบริหารจัดการร้านค้า เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่ร้านโชวห่วยต่อไป”
ส่วนการยกระดับร้านโชวห่วยรายย่อยที่มีอยู่ประมาณ 4 แสนรายทั่วประเทศ กรมฯ ได้ร่วมมือกับบริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด และบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เข้าไปช่วยเหลือและพัฒนาให้เป็นสมาร์ทโชวห่วยได้แล้ว 28,682 ราย และกำลังดำเนินการพัฒนาอีกประมาณ 2,500 ราย คาดว่าสิ้นปีนี้จะพัฒนาได้สำเร็จเกินเป้าหมาย 30,000 รายทั่วประเทศ
นายพูนพงษ์กล่าวว่า กรมฯ ยังจะเข้าไปช่วยพัฒนาร้านค้าส่งค้าปลีก และสมาร์ทโชวห่วย ให้ใช้ช่องทางออนไลน์ในการจำหน่ายสินค้าเพิ่มมากขึ้น เพราะหลังจากเกิดวิกฤตโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก มีการใช้ช่องทางออนไลน์ในการซื้อสินค้ามากขึ้น ร้านค้าส่งค้าปลีกและโชวห่วยจะต้องปรับตัว เพื่อก้าวให้ทันการเปลี่ยนแปลงและแข่งขันกับร้านค้าปลีกสมัยใหม่ให้ได้
“ร้านค้าส่งค้าปลีก และร้านโชวห่วยอยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านาน จึงต้องผลักดันให้อยู่ต่อไป เพราะจะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก และยังมีส่วนช่วยลดค่าครองชีพให้แก่ผู้บริโภค โดยในแต่ละปีกระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับร้านค้าส่งค้าปลีกและร้านโชวห่วยจัดกิจกรรมลดราคาสินค้า ทำให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสซื้อสินค้าราคาถูกและลดค่าครองชีพ” นายพูนพงษ์กล่าว