กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจัดประชุมระดมความคิดเห็น “แนวทางการจัดตั้งกองทุนเอฟทีเอ” เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า เชิญเกษตรกร ผู้ประกอบการ ภาคประชาสังคม หน่วยงานรัฐและเอกชน เข้าร่วม หลังก่อนหน้ามีข้อสรุปควรมีกองทุนแบบถาวร เผยจะเร่งรวบรวมผลศึกษา ผลระดมความเห็นชงคณะทำงานชุดปลัดพาณิชย์พิจารณาในเดือนธ.ค.นี้
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ เตรียมจัดประชุมระดมความเห็นกลุ่มย่อย (focus group) เรื่อง “แนวทางการพัฒนาจัดตั้งกองทุนเอฟทีเอ : กลไกช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า” ในวันที่ 9 ก.ย.2563 ณ โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ เพื่อเผยแพร่ผลการศึกษา เรื่อง แนวทางการพัฒนากลไกช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า โดยเชิญภาคเกษตร ผู้ประกอบการ ภาคประชาสังคม และหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ร่วมรับฟังผลการศึกษาและระดมความเห็น ซึ่งการประชุมกลุ่มย่อยครั้งนี้ ยังเปิดกว้างให้ผู้สนใจร่วมรับชมสดและร่วมแสดงความคิดเห็นผ่านทางออนไลน์ที่ Facebook กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศด้วย
ปัจจุบันภาครัฐมีกลไกช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) 2 กลไก คือ กองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ และโครงการช่วยเหลือเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและภาคบริการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า แต่จากการลงพื้นที่สอบถามความเห็นภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น กลุ่มเกษตรกร และผู้ประกอบการ พบว่า กลไกดังกล่าวยังมีข้อจำกัดและยังไม่ตอบโจทย์ความต้องการเท่าที่ควร จึงต้องการให้ปรับปรุงกลไกการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีที่มีอยู่
ทั้งนี้ เมื่อเดือนพ.ย.2562 ที่ผ่านมา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ตั้งคณะทำงานพิจารณาแนวทางการพัฒนากองทุนช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า โดยมีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน มีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเป็นฝ่ายเลขานุการ ซึ่งการทำงานมีความคืบหน้ามาโดยตลอด โดยผลจากการรับฟังความเห็น ผู้เกี่ยวข้องส่วนใหญ่เสนอว่ารัฐบาลควรจัดตั้งกองทุนเอฟทีเอขึ้นโดยเฉพาะ ซึ่งในเบื้องต้น กรมบัญชีกลางแนะนำว่า การตั้งกองทุนจะต้องจัดทำเป็น พ.ร.บ. ตามแนวทางที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.การบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. 2558 ซึ่งจะต้องระบุรายละเอียดที่สำคัญ เช่น โครงสร้างการบริหารทุนหมุนเวียน แหล่งเงินทุนและแหล่งรายได้ การลดความซ้ำซ้อนกับกองทุนหมุนเวียนที่มีอยู่ รวมถึงเป้าหมายและประโยชน์ที่ได้รับต้องชัดเจน เป็นต้น
"ระหว่างนี้จนถึงเดือนพ.ย.2563 กรมฯ จะรวบรวมผลการศึกษาและผลการระดมความเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมนำเสนอคณะทำงานฯ ในเดือนธ.ค.2563 เพื่อพิจารณาแนวทางการจัดตั้งกองทุนเอฟทีเอต่อไป"นางอรมนกล่าว