“คมนาคม” ชะลอรถไฟทางคู่เฟส 2 กว่า 2.73 แสน ล.ชี้ ศก.ถดถอย ต้องรีวิวผลศึกษา ตัดงานส่วนเกิน หวังลดต้นทุน วางแผนดัน “ขอนแก่น-หนองคาย” นำร่องก่อน ชี้ เป็นเส้นยุทธศาสตร์เชื่อม ลาว-จีน คุ้มค่าลงทุนสั่งผนวก ICD หนองคาย ดึงชิปโหมด
นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยภายหลังการประชุมจัดลำดับความสำคัญโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 โดยมี นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้หารือร่วมกับผู้แทน สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในการขับเคลื่อนโครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 จำนวน 7 โครงการ ระยะทาง 1,483 กม.วงเงินลงทุนรวมกว่า 2.73 แสนล้านบาท ได้แก่ ปากน้ำโพ-เด่นชัย, เด่นชัย-เชียงใหม่, ขอนแก่น-หนองคาย, ชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี, ชุมพร-สุราษฎร์ธานี, สุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา และ ชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ โดยประชุมเห็นตรงกันว่าสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน และเพดานหนี้สาธารณะที่สูงขึ้น ควรลงทุนเฉพาะโครงการที่จำเป็น และให้จัดลำดับโครงการเพื่อให้สอดคล้องกับกรอบวงเงินงบประมาณและความสามารถในการลงทุนของประเทศ
โดยคำนึงถึงยุทธศาสตร์ชาติ เป้าหมายในการขนส่งสินค้าที่เปลี่ยนโหมดจากถนนสู่ราง ปริมาณผู้โดยสารและสินค้า ความพร้อมของโครงการ การเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อบ้าน (Connectivity) โดย เส้นทางที่จะมีการผลักดันก่อนคือ ขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 169 กม. มูลค่าโครงการ 26,663.26 ล้านบาท เพราะถือเป็นยุทธศาสตร์ชาติ เนื่องจากเชื่อมต่อกับ สปป.ลาว ที่มีเส้นทางรถไฟเชื่อมไปยังประเทศจีนตอนใต้ เปิดบริการใน มี.ค. 2564 นอกจากนี้ยังมีความพร้อมที่สุด เพราะมีการออกแบบแล้ว ได้รับอนุมัติ EIAแล้ว คาดการณ์ปริมาณสินค้าในปี 2580 ที่ 12 ล้านตัน/ปี มีอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (EIRR) 19%
ทั้งนี้ ให้ รฟท.เร่งตรวจสอบแบบรายละเอียด ขอบเขตโครงการ และรวมโครงการ ICD Port ที่ บ้านนาคา จ.หนองคายซี่งมีพิธีการศุลกากร รองรับการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal Transport) ซึ่งอาจจะส่งผลให้มูลค่าโครงการเพิ่มขึ้น และสรุปเสนอกระทรวงคมนาคมโดยเร็ว เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการเสนอ ครม.ต่อไป
สำหรับอีก 6 เส้นทางที่เหลือที่ประชุมมอบกรมราง ทบทวนการศึกษาเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันทุกปัจจัย โดยจะคาดการณ์ปริมาณสินค้า จำนวนผู้โดยสาร EIRR รวมถึงเหตุผลความจำเป็น ในการดำเนินโครงการ คาดว่าจะทบทวนเสร็จภายใน 3 เดือนหรือในเดือน ธ.ค. 2563
“จะนำข้อมูลเดิมมาดูใหม่ ออกแบบสถานีใหญ่เกินไปหรือ บางสถานีจำเป็นต้องมีหรือไม่ ปรับลดได้หรือไม่ ซึ่งจะมีผลต่อต้นทุนก่อสร้างโครงการที่ลดลง รวมไปถึงการประมาณการณ์จำนวนผู้โดยสารและปริมาณสินค้า ที่ได้รับผลกระทบจากโรค โควิด-19 ”
ส่วน รถไฟทางคู่สายใหม่ 2 เส้นทาง ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติแล้วนั้น ได้แก่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 323 กม. วงเงินรวม 85,345 ล้านบาท และ สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ระยะทาง 355 กม. วงเงิน 66,848.33 ล้านบาทนั้น ว่าทั้ง 2 โครงการจะเปิดประมูลได้ภายในกลางปี 2564
สำหรับ รถไฟทางคู่ระยะที่ 2 จำนวน 7 โครงการ มีการวิเคราะห์จัดลำดับความสำคัญโครงการเบื้องต้น ดังนี้
1. ขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 169 กม. มูลค่าโครงการ 26,663.26 ล้านบาท EIRR 18.7% อนุมัติ EIA แล้ว คาดการณ์ปี 2580 มีผู้โดยสาร 16,300 คน มีสินค้า 12.29 ล้านตัน
2. ชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 309 กม.วงเงิน 35,839.74 ล้านบาท EIRR 21.8 % อนุมัติ EIA แล้ว คาดการณ์ปี 2580 มีผู้โดยสาร 45,400 คน มีสินค้า 3.06 ล้านตัน
3. ชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 23,384.91 ล้านบาท EIRR 19.9 % อยู่ระหว่างพิจารณา EIA คาดการณ์ปี 2580 มีผู้โดยสาร 66,000 คน มีสินค้า 4.25 ล้านตัน
4. สุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 339 กม. วงเงิน 51,823.83 ล้านบาท EIRR 18.07 % อยู่ระหว่างพิจารณา EIA คาดการณ์ปี 2580 มีผู้โดยสาร 54,500 คน มีสินค้า 5.20 ล้านตัน
5. ปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 285 กม. วงเงิน 56,066.25 ล้านบาท EIRR 13.38 % อยู่ระหว่างพิจารณา EIA คาดการณ์ปี 2580 มีผู้โดยสาร 26,000 คน มีสินค้า 8.90 ล้านตัน
6. ชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 75 กม. วงเงิน 7,941.80 ล้านบาท EIRR 18.18 % อนุมัติ EIA แล้ว คาดการณ์ปี 2580 มีผู้โดยสาร 10,000 คน มีสินค้า 5.90 ล้านตัน
7. เด่นชัย-เขียงใหม่ ระยะทาง 217 กม. วงเงิน 59,992.44 ล้านบาท EIRR 13.20 % อยู่ระหว่างพิจารณา EIA คาดการณ์ปี 2580 มีผู้โดยสาร 13,700 คน มีสินค้า 3.52 ล้านตัน